โฆษกกรมชลฯ แจงความจำเป็นระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา 2,900 ลบ.ม./วินาที

ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา โฆษกกรมชลประทาน เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงเกณฑ์การระบายน้ำ “เขื่อนเจ้าพระยา” เพื่อบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนกรมชลประทานกำหนดเกณฑ์การระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 4 ระดับหลัก เพื่อควบคุมผลกระทบในแต่ละพื้นที่ ดังนี้

ระดับที่ 1 : ปริมาณ 700 – 2,000 ลบ.ม./วินาที น้ำจะเริ่มเอ่อท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำบางจุด โดยเฉพาะ

• คลองโผงเผง อ่างทอง

• คลองบางบาล พระนครศรีอยุธยา

• ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย

ระดับที่ 2 : ปริมาณ 2,000 – 2,200 ลบ.ม./วินาที น้ำเริ่มล้นเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นใน

• วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

• อ.เมือง จ. สิงห์บุรี

• อ.พรหมบุรี จ..สิงห์บุรี

• วัดไชยโย อ.ไชยโย จ.อ่างทอง

ระดับที่ 3 : ปริมาณ 2,200 – 2,400 ลบ.ม./วินาที เริ่มล้นเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นใน

• ต.โพบางดำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

• วัดเสือข้าม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

• อ.ป้าโมก จ.อ่างทอง

• พื้นที่ลุ่มต่ำใน จ.พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง เช่นต.บ้านกุ่ม, อ.เสนา

ระดับที่ 4 : มากกว่า 2,400 ลบ.ม./วินาที เริ่มล้นเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นใน

• บ้านท่าทราย อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

• ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

• ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง

ทั้งนี้ หาก น้ำระบายไม่เกิน 700 ลบ.ม./วินาที ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน แต่ในระดับ 700 – 1,500 ลบ.ม./วินาที เป็นระดับเริ่มเฝ้าระวัง ต้องรายงานต่อคณะอนุกรรมการด้านการบริหารจัดการน้ำ ส่วนระดับน้ำ 1,500 – 2,000 ลบ.ม./วินาที หากต้องระบายต่อเนื่อง จะต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และ มากกว่า 2,000 ลบ.ม./วินาที ถือเป็นสถานการณ์น้ำท่วมขัง ต้องมีคำสั่งอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ จะต้องภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) อย่างไรก็ดีอำนาจของกรมชลประทาน มีอำนาจในการระบายบริหารจัดการน้ำ ไม่เกิน 1,500 ล้าน ลบ.ม./วินาที

ดร.ธเนศร์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีความจำเป็นการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะปรับลดอัตราลงตามสถานการณ์น้ำอย่างเหมาะสม สอดคล้องจากการรายงานพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ปริมาณฝนในภาคเหนือจะมีปริมาณลดลงและสถานการณ์น้ำทะเลหนุนจะดีขึ้น จึงได้สั่งการให้กรมชลประทานจัดเตรียมเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำเพิ่ม

"เพื่อเร่งระบายน้ำบริเวณปลายลุ่มน้ำเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทย ทางจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดฉะเชิงเทราโดยเร็วที่สุด  คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จากนี้ไปแนวโน้มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาจะลดระดับลงเรื่อย นอกจากนี้กรมชลประทาน ยังได้พยายามผันน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้มากที่สุด เพื่อลดผลกระทบการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาด้วย" ดร.ธเนศร์ กล่าวในตอนท้าย