กรมชลฯ เฝ้าระวัง ฝนถล่มไม่หยุด น้ำเหนือทะลัก ดันน้ำเจ้าพระยาขึ้นอีกระลอก

05 พ.ย. 2568 | 03:40 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ย. 2568 | 03:51 น.

กรมชลประทานเร่งหน่วงน้ำเขื่อนใหญ่ ลดผลกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำอยุธยา–อ่างทอง–สิงห์บุรี เฝ้าระวังน้ำเพิ่มใกล้ระดับวิกฤติ หลังฝนตกต่อเนื่อง น้ำเหนือทะลัก ส่งผลน้ำเจ้าพระยาขยับขึ้นอีกระลอก

KEY

POINTS

  • ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลให้มีมวลน้ำเหนือปริมาณมากไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
  • กรมชลประทานใช้เขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์หน่วงน้ำไว้ แต่ปริมาณน้ำที่สถานี C.2 นครสวรรค์ ยังคงเพิ่มขึ้นจากฝนท้ายเขื่อนและน้ำจากแม่น้ำสาขา
  • เขื่อนเจ้าพระยาเตรียมระบายน้ำเพิ่มขึ้นในอัตราประมาณ 2,700 ลบ.ม./วินาที พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ 4 จังหวัดให้เฝ้าระวัง

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงาน (4 พ.ย. 2568) ว่า จากอิทธิพลฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วง 2-4 พ.ย. 68 ในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ยม และน่าน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักและอ่างเก็บน้ำเพิ่มมากขึ้น

กรมชลประทาน ได้วางแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ดังนี้

1. การบริหารจัดการน้ำตอนบน

ได้ใช้ศักยภาพของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ คือ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ บริหารจัดการร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำการ "หน่วงน้ำ" และเก็บกักน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำเจ้าพระยา

กรมชลฯ เฝ้าระวัง ฝนถล่มไม่หยุด น้ำเหนือทะลัก ดันน้ำเจ้าพระยาขึ้นอีกระลอก

ทั้งนี้ แม้จะมีการหน่วงน้ำจากเขื่อนหลักแล้ว แต่ปริมาณน้ำที่สถานี C.2 จ.นครสวรรค์ ยังคงเพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกในพื้นที่ท้ายเขื่อน ทั้ง 2 แห่ง ประกอบกับมีปริมาณน้ำที่ไหลมาสมทบจากแม่น้ำยม และแม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี

2. การบริหารจัดการเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท

เพื่อบริหารจัดการมวลน้ำเหนือที่ไหลลงมา กรมชลประทานจะรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านตัวเขื่อน แต่ด้วยปริมาณฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำส่วนที่เหลือจำเป็นต้องระบายผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราประมาณ 2,700 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที

กรมชลฯ เฝ้าระวัง ฝนถล่มไม่หยุด น้ำเหนือทะลัก ดันน้ำเจ้าพระยาขึ้นอีกระลอก

จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ นอกแนวคันกั้นน้ำเดิมคล้ายกับช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้แก่

- พื้นที่ริมแม่น้ำน้อย–คลองโผงเผง–คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

- อำเภออินทร์บุรี และอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี

- อำเภอป่าโมก และอำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง

- อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท

กรมชลฯ เฝ้าระวัง ฝนถล่มไม่หยุด น้ำเหนือทะลัก ดันน้ำเจ้าพระยาขึ้นอีกระลอก

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังคงเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์น้ำร่วมกับ กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝนและน้ำท่า

รวมทั้งมีการนำน้ำเข้าสู่คลองชลประทานอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมกับติดตั้งเครื่องจักร และเดินเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เร่งระบายน้ำส่วนเกินลงสู่อ่าวไทย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด

ติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำเพิ่มเติมได้ที่ wmsc.rid.go.th และ bigdata-swoc.rid.go.th