KEY
POINTS
ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึง "งานมหกรรมยางพารา" ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ทางสมาคมสหพันธ์ขาวสวนยางแห่งประเทศไทย จัดงานเพื่อสะท้อนปัญหาให้รัฐในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหาในขณะที่ผืนแผ่นดินของประเทศไทย ซึ่งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมในด้านการเกษตรดีที่สุดในอาเซียน และประชากรส่วนใหญ่ของประเทศได้มีอาชีพทำการเกษตร
แต่เนื่องจากการทำการเกษตรของประเทศไทยยังมีปัญหาที่จะต้องลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เกษตรกรจึงจะอยู่ได้อย่างมั่นคง นอกจากนั้น ถ้าเกษตรกรไทยรวมตัวกัน งดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือจุลินทรีย์แทน ก็จะเป็นการลดต้นทุนและทำให้พืชผลการเกษตรปลอดภัยจากสารพิษ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ “เกษตรปลอดภัย ครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อให้ประชากรทั่วโลกหันมาบริโภคอาหาร ผลไม้ที่ปลอดภัย ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสนใจมาชิมอาหารไทยเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรรายย่อยก็จะพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรรายย่อยให้มีความมั่นคงในอาชีพ
สำหรับในปีนี้ใช้พื้นที่การจัดงานบริเวณลานพญานาค หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระหว่างวันที่ 16-25 ธันวาคม 2568 จะมีการจัดนิทรรศการด้านวิชาการยาง ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตเกษตรปลอดภัย ครัวไทยสู่ครัวโลก และ จัดเวทีสัมมนาเรื่อง คาร์บอนก้าวไกล คนยุคใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลอดจนจัดสัมมนาวิชาการโดย สวทช. เรื่อง การจัดการคาร์บอนเครดิตในสวนยางและใบโอชา รวมถึงแนวทาง วิธีการยกระดับรายได้ของเกษตรกรที่ยากจน และ จัดซื้อขายยางและผลิตภัณฑ์ยางพาราครบวงจร นอกจากนั้นก็ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังทุกคืนด้วย
ดร.อุทัย กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีระกุล นายกรัฐมนตรี ปเป็น เกียรติในการเปิดงานมหกรรมยางพาราครั้งที่ 3 เกษตรยั่งยืน มิติใหม่สู่เวทีโลก ด้วย เพื่อ เป็นขวัญและกำลังใจให้ ชาวสวนยาง 1.7 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งถ้า ฯพณฯ นายกให้ความสำคัญเกษตรกรชาวสวนยางก็จะทำให้ราคายาง มีเสถียรภาพดียิ่งขึ้นไปอีก
สมาคมสหพันธ์ ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสถาบันเกษตรกรที่เป็นตัวแทนของเกษตรกรทั่วประเทศ ที่ทำหน้าที่เพื่อช่วย ภาครัฐในการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอดระยะเวลา 35 ปี โดยสะท้อนปัญหาให้ทางฝ่ายรัฐบาลได้รับทราบและแก้ไขปัญหามาโดยตลอดระยะเวลาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก จึงทำ ให้ยางพาราได้รับผลกระทบด้วย
แต่เนื่องจากยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจและเป็นยุทธปัจจัย สามารถกระตุ้นการ ใช้ยางพาราได้ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ให้เป็นพืชมิติใหม่ เพื่อนำไปสู่ความสอดคล้องกับสภาวะความผันแปร ภูมิอากาศด้วยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งสวนยางสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้โดย สมาคมได้รวบรวมนักวิชาการผลิตใบโอชาจากสวนยาง ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ๆที่จะจัดนิทรรศการในงานนี้ด้วย จึงนับว่าเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้แสดงวิสัยทัศน์ที่ทำให้ทั่วโลก และชาวสวนยางทั้งประเทศ ได้รับรู้ว่าประเทศไทยในฐานะเบอร์ 1 ของโลกจะมีการขับเคลื่อนยางพาราไทยครบวงจรในปี 2569 อย่างไร