ยางพาราไทยอ่วม จีนเทขายสินค้าราคาถูก ดับฝันกิโลละ 70 บาท

08 พ.ย. 2568 | 01:00 น.

สมาคมน้ำยางข้นฯ เผยราคายางโคม่า เศรษฐกิจไม่ดี ตลาดโลกซบ จับตาผลผลิตในประเทศพุ่ง หลังฝนลด ยิ่งกดดันราคา ตํ่าลงอีก เป้า “ธรรมนัส” โลละ 70 บาทเป็นไปได้ยาก ขณะสหรัฐผ่อนปรนภาษีจีน ทุบราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกดิ่ง อีกด้านผลิตภัณฑ์ยางจากจีนถล่มตลาดหนัก ผู้ประกอบการทยอยปิดตัว

จากนโยบายร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศยกระดับราคายางพารา ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะได้เห็นราคาเป้าหมายยางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่สูงกว่า 70 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)

 

ยางพาราไทยอ่วม จีนเทขายสินค้าราคาถูก ดับฝันกิโลละ 70 บาท

ต่อกรณีดังกล่าว นายพงศ์นเรศ วนสุวรรณกุล นายกสมาคมน้ำยางข้นไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์ยางพารา ณ เวลานี้ว่า ความต้องการของผู้ซื้อลดลงมากจากเศรษฐกิจโลกไม่ดี และยางสังเคราะห์ราคาถูกมากทำให้ลูกค้าหันไปใช้สินค้าทดแทนยางธรรมชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันราคายางพาราตลาดล่วงหน้ายังลดลงต่อเนื่อง สวนทางวัตถุดิบในประเทศราคาสูงกว่าตลาดโลก จากฝนตกชุกในประเทศ กรีดยางลำบาก ทำให้ผลผลิตขาดตลาด ในภาพรวมตลาดไม่ค่อยดี ไม่มีกำลังซื้อ คาดหากฝนตกน้อยลง ปริมาณยางจะออกมามากขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ราคายางจะปรับตัวลดลงอีก

ยางพาราไทยอ่วม จีนเทขายสินค้าราคาถูก ดับฝันกิโลละ 70 บาท

 

ปัจจัยต่อมาจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญในหลายเรื่อง ช่วยลดความตึงเครียดของสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2018 โดยล่าสุดสหรัฐจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจากเฉลี่ยที่ 57% ลงเหลือเฉลี่ยที่ 47% ส่งผลทำให้สินค้าโภคภัณฑ์โลกทุกรายการปรับราคาลงมา เช่นเดียวยางพารา

 

นายพงศ์นเรศ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการเดินกำลังผลิตเท่าที่จำเป็น บางโรงไปต่อไม่ไหวก็ปิดตัวลง และที่ประกาศขายกิจการไปก็มี จากขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ส่วนรัฐบาลจะทำราคาเท่าไร ก็ทำได้หมด จะซื้อกิโลกรัมละ 100 บาทเก็บสต็อกก็ทำได้ หากมีงบประมาณ แต่ปัญหาเวลานี้ตลาดไปได้หรือไม่ เพราะปัญหาคือผู้ใช้ไม่มีแรงซื้อ

ยางพาราไทยอ่วม จีนเทขายสินค้าราคาถูก ดับฝันกิโลละ 70 บาท

“ทุกวันนี้จีนซื้อยางทุกวัน แต่ไปซื้อเวียดนามเพราะราคาถูกกว่าไทย ส่วนตลาดล่วงหน้าทุกตลาดราคาตํ่ากว่าราคาในประเทศ ยกตัวอย่าง ราคาตลาดล่วงหน้าไซคอม 165 เซนต์สหรัฐ คูณอัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.5 บาท เท่ากับ 53.62 บาทต่อกิโลกรัม ส่งมอบถึงสิงคโปร์ รวมเสียค่าเซสส์ 2 บาท/กิโลกรัมแล้ว ขณะที่ราคาในประเทศ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ประกาศราคาวัตถุดิบในประเทศ 54.6 บาทต่อกิโลกรัม แพงกว่ายางสำเร็จรูป ด้วยเหตุผลทำให้โรงงานต่างๆ อยู่ไม่ได้ นอกจากจะขาดแคลนวัตถุดิบในตลาดจริง”

ยางพาราไทยอ่วม จีนเทขายสินค้าราคาถูก ดับฝันกิโลละ 70 บาท

ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ยางพารา เช่น ยางยืดที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และยางรัดของในประเทศ ทุกบริษัทชะลอรับซื้อวัตถุดิบ เพราะถูกสินค้าจีนถล่มตลาดทั้งในประเทศ และตลาดโลก เนื่องจากจีนขยายกำลังการผลิต โดยใช้วัตถุดิบยางพาราราคาถูกจากเวียดนาม รวมถึงจากมณฑลไห่หนานซึ่งเป็นแหล่งปลูกยางพาราสำคัญของจีน หากไม่เพียงพอก็จะหันมาใช้ยางไทย ทำให้ผู้ผลิตสินค้าสำเร็จรูปของไทยแข่งขันได้ยาก เพราะสินค้าจีนราคาถูกกว่า ทำให้ขายได้เฉพาะลูกค้าเกรดพรีเมียม แต่ก็ไม่สามารถขายราคาสูงได้ และถูกกดราคาลงมา

เช่นเดียวกับถุงมือยางที่ถูกล็อกราคาซื้อล่วงหน้าไปแล้ว ในราคาที่ผู้ประกอบการถุงมือยางรับซื้อได้ ที่ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากต้นทุนนํ้ายางสด วันนี้ (5 พ.ย. 68) อยู่ที่ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เมื่อคำนวณกลับมาเป็นราคายางพาราอยู่ที่ 55 บาทต่อ กก.

 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อราคายางพาราในประเทศ โดยล่าสุดมาเลเซียซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยในส่วนของนํ้ายาง มีนโยบายใหม่เพื่อการดูแลผิวจราจร บังคับให้รถขนส่งบรรทุกได้ไม่เกิน 25 ตันต่อคัน จากเดิม 30 ตันต่อคัน ทำให้มีค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 20 สตางค์ต่อกก. หากถูกจับครั้งแรกจะถูกยึดรถ และนำฟ้องศาล ครั้งที่ 2 ดำเนินคดีอาญา ครั้งที่ 3 สั่งปิดกิจการทันที ประกอบกับรัฐบาลจีนจะลดการอุดหนุนผู้ส่งออก ยิ่งทำให้บริษัทจีนขายดัมป์ราคาสินค้าในไทยมากขึ้น  สรุปแนวโน้มยางพาราไทยปลายปีนี้ และแนวโน้มปี 2569 ยังไม่ค่อยดี ยกเว้นมีปาฏิหาริย์ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดีขึ้น จะทำให้ราคายางไทยฟื้นตัวได้

 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,147 วันที่ 9 -12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568