ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

17 เม.ย. 2568 | 21:39 น.

ปัจจุบันอาชีพการทำนาของเกษตรกร กำลังประสบปัญหาทั้งระบบ จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนจากราคาปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้น

รวมทั้งประสิทธิภาพและคุณภาพผลผลิตที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ชาวนาส่วนใหญ่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ขาดแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพหรือสานต่ออาชีพจากบรรพบุรุษ ซึ่งจะสร้างผลกระทบที่สำคัญต่อการพัฒนาความมั่นคงทางอาหาร และระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ “ข้าว” ยังเป็นพืชที่มีความเกี่ยวโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรมพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน แต่ปรากฏว่าไม่มีกลไกทางกฎหมายที่จะให้การส่งเสริม และคุ้มครอง เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิต เฉพาะอย่างยิ่งกลไกในกระบวนการผลิต

 

 

ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

 

รวมทั้งยังไม่มีช่องทางให้ชาวนาหรือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสะท้อนความเป็นจริง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทางเกี่ยวกับการผลิตและกระบวนการในการส่งเสริมและพัฒนากระบวนการผลิต ดังนั้นจึงถึงเวลาอันควรแล้วที่จะต้องเร่งวางระบบ และกลไกต่าง ๆ เพื่อให้กระบวนการผลิตข้าวตลอดห่วงโซ่การผลิต และการพัฒนาอาชีพทำนา ให้มีความมั่นคงยั่งยืน มีการบูรณาการและเป็นเอกภาพ

 

หนุนตั้งไข่กฎหมายข้าว

ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

 

นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของสภาเกษตรกรแห่งชาติ คือ การสนับสนุนการรวมกลุ่มของชาวนา เพื่อสร้างความเข้มแข็งตามยุทธศาสตร์ชาติ มีกลไกการควบคุมการผลิตและจำหน่าย ข้าวเปลือกอย่างเป็นระบบ สร้างความเป็นธรรมระหว่างชาวนาและผู้รับซื้อ โดยมีคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ข้าวของประเทศเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพมีความต่อเนื่องและยั่งยืน

 

 

มีการส่งเสริม กำกับ ติดตาม และพัฒนาตลอดห่วงโช่การผลิต การตลาด และการส่งออกข้าว เพื่อให้เกิดความสมดุล ให้สินค้าข้าวมีปริมาณและคุณภาพที่เพียงพอต่อการบริโภค สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ตลอดจนมีระบบที่สามารถให้ความคุ้มครองชาวนาให้ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวนาสูงสุด

 

ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

 

“ในที่ประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้มีการกำหนดแนวทางการจัดทำข้อเสนอ(ร่าง) พ.ร.บ.ข้าวและชาวนา พ.ศ. …. พร้อมกับชี้แจงสาระสำคัญของ (ร่าง) พ.ร.บ. เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป และในที่ประชุมได้มีการเลือกประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอ (ร่าง) พ.ร.บ.ข้าวและชาวนา พ.ศ. …. ในสภาเกษตรกรแห่งชาติ โดยมีนายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ ประธานเครือข่ายชาวนาไทย เป็นประธานคณะทำงาน และมีองค์กรต่าง ๆ ประกอบด้วย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย, ศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ, แปลงใหญ่ระดับประเทศ และสภาเกษตรกรแห่งชาติ ,เครือข่ายอนาคตชาวนาไทย เป็นรองประธานคณะทำงาน”

 

ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นเวทีที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเสนอแนวทางการปฏิรูปชาวนา ทั้งในด้านนโยบายภาครัฐ มาตรการทางกฎหมาย กฎระเบียบ และการจัดตั้งกองทุนต่างๆ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการข้าวอย่างยั่งยืน และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาไทยให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง

 

จัดระเบียบค้าข้าว-ชงบำนาญหลังเกษียน

ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

นายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอ (ร่าง) พ.ร.บ.ข้าวและชาวนา พ.ศ. …. ในสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า กฎหมายนี้จะเป็นกฎหมายของชาวนาทั้งประเทศ จะเริ่มตั้งแต่การผลิตไปถึงการค้าขาย ซึ่งสิ่งที่พี่น้องชาวนาต้องการมากที่สุดคือ มีกฎหมายดูแล รวมทั้งองค์กรอื่นๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่คือผู้ค้า โรงสี และผู้ส่งออก จะอยู่ในกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งจะรวบรวมรายชื่อชาวนา50,000 ราย เสนอรัฐบาลต่อไป

 

ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

ด้านนายระวี รุ่งเรือง นายกสมาคมการค้าเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า นับจากนี้ไปจะต้องนำกฎหมายต่างๆ ตั้งแต่ พระราชบัญญัติ ( พ.ร.บ. )กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรฯ,สภาเกษตรกรแห่งชาติ, อ้อยและนํ้าตาล และยางพาราต้องนำมาศึกษาจุดเด่นจุดด้อย เนื่องจากกฎหมายแต่ละฉบับยังไม่ตอบโจทย์ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร มีความเหลื่อมลํ้าทางสังคมสูง ดังนั้นเป็นโจทย์ท้าทายที่กฎหมายนี้จะต้องมีความสมบูรณ์และแข็งแรงในการจัดระเบียบทุกห่วงโซ่ให้มีความเป็นธรรม

 

ดันกฎหมายข้าว สร้างความมั่นคงชาวนา มีบำนาญหลังเกษียน

ขณะที่นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า สมาคมฯพร้อมให้ความร่วมมือและเป็นกำลังสนับสนุนที่จะช่วยผลักดันกฎหมายให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับชาวนา จากอาชีพชาวนาเสี่ยงทั้งภัยแล้ง นํ้าท่วม โรคพืช และแมลง รวมทั้งความเสี่ยงเรื่องราคา ซึ่งทั้งหมดเป็นความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงจะเห็นว่าที่ผ่านมาทุกรัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณอุดหนุนชาวนามาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง และลดการอุดหนุนของรัฐบาล สิ่งสำคัญเพื่อสร้างหลักประกันในชีวิตจึงเห็นว่า อาชีพนี้ควรมีบำนาญให้ชาวนา ในอัตราเบื้องต้น 3,000 บาทต่อเดือน เพื่อไม่ให้เป็นภาระลูกหลาน ซึ่งเป็นตามเจตนารมย์ของสมาคมอยู่แล้ว

 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,089 วันที่ 20 - 23 เมษายน พ.ศ. 2568