'ธรรมนัส' สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

02 ต.ค. 2568 | 07:15 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ต.ค. 2568 | 07:18 น.

เร่งด่วน! “ธรรมนัส " แม่ทัพเกษตรฯ เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร ดันไทยสู่ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก

KEY

POINTS

  • ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ประกาศสานต่อนโยบายเดิม 6 ด้านที่เคยดำเนินการไว้ เพื่อดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่มั่นคง
  • เร่งผลักดันนโยบายเร่งด่วน "3 สร้าง" คือ สร้างรายได้ สร้างตลาด และสร้างโอกาส เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้เกษตรกรในระยะแรก
  • ตั้งเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก (Agricultural and Food Hub)

วันที่ 2 ตุลาคม 2568  ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานและมอบนโยบายการบริหารราชการ แก่ข้าราชการและผู้บริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ และ นายนเรศ ธํารงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า งเป็นไปตามแนวทางและนโยบายของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 โดยรัฐบาลได้กําหนดนโยบายภาคเกษตรที่สําคัญ มุ่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจาก ปริมาณ ไปสู่การสร้างมูลค่า

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

อาทิ การบริหารจัดการและรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและการแก้ไขปัญหาหนี้สิน การยกระดับสู่ เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)และส่งเสริมผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (เช่น Food for the Future และ Bio-industry) การจัดการทรัพยากรน้ําและรับมือภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม (PM2.5) และการขยายโอกาสทางการตลาดด้วยการจัดตั้งทีมไทยแลนด์

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

ร้อยเอก ธรรมนัส ได้เน้นย้ำถึงหลักการทํางานสําคัญ คือ การยึดมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมุ่งเน้นการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธาน พร้อมกําหนดเป้าหมายหลัก คือ การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ด้านการเกษตรและวิสัยทัศน์Ignite Thailand เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก (Agricultural and Food Hub) การบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จําเป็นต้องยกระดับการขับเคลื่อนใน 2 มิติสําคัญ คือ ด้านการผลิตและด้านการตลาด โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ การขับเคลื่อนด้านการผลิต (Supply-side)ซึ่งถือเป็นกลไกสําคัญ (Engine) และเป็นหัวใจของภาคการผลิต โดยแบ่งการดําเนินงานเป็น 2 ส่วนหลัก

1. การยกระดับศักยภาพสินค้าเกษตรเพื่อการเพิ่มรายได้โดยกําหนดกลุ่มสินค้าเป้าหมายหลักออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มสินค้าที่ผลิตได้เกินกว่าความต้องการของตลาด (ข้าว ปาล์มน้ํามัน ยางพารา โคเนื้อ ไก่เนื้อ และกุ้ง) และกลุ่มสินค้าที่ยังผลิตได้น้อยกว่าความต้องการ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มันสําปะหลัง กาแฟ ทุเรียน และถั่วเหลือง) ซึ่งสินค้าแต่ละชนิดจะได้รับการบริหารจัดการที่หลากหลายและแตกต่างกันตามมิติของผลิตภัณฑ์

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

2. การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรและบุคลากรภาคการเกษตร โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดําเนินการสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่จําเป็น (อาทิ พันธุ์ดิน ปุ๋ย) รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ ตลอดจนสนับสนุนการผลิตแบบมีเงื่อนไข เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและสร้างความยั่งยืนให้กับอาชีพเกษตรกรรม

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

สําหรับภารกิจสําคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อจากนี้ไป คือความมุ่งมั่นที่จะดูแลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้อยู่ดีมีสุข มีรายได้ที่มั่นคง เพื่อเสริมสร้างให้ภาคเกษตรไทยแข็งแกร่ง มีศักยภาพในการแข่งขันทัดเทียมหรือเหนือกว่าประเทศอื่น ๆ จึงได้กําหนดแนวทางการดําเนินงานโดยการสานต่อนโยบายเดิมที่เคยได้เดินหน้าไว้ต่อเนื่องและมุ่งเน้น รวม 6 ด้านสําคัญ ดังนี้

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

1. เร่งรัดการจัดที่ดินทํากินและสร้างความมั่นคงด้านกรรมสิทธิ์ มุ่งเน้นการจัดที่ดินทํากินให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พร้อมเร่งรัดการยกระดับเอกสารสิทธิ์ให้เป็น โฉนดเพื่อการเกษตร เพื่อสร้างความมั่นคงด้านกรรมสิทธิ์ที่ดินควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน เช่น ระบบชลประทาน ถนน และไฟฟ้า รวมถึงสนับสนุนการใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์ค้ําประกัน เพื่อเข้าถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการลงทุนและสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

2. บริหารจัดการน้ําทั้งระบบเชิงรุก เน้นการบริหารจัดการน้ำอย่างมีระบบและต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้กรมชลประทานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และกรมพัฒนาที่ดิน ร่วมกันจัดทํา แผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เน้นการดําเนินงานเชิงรุกทั้งการป้องกันน้ำท่วม การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และการเติมน้ําในเขื่อน เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูการผลิตพร้อมเน้นย้ำให้รายงานอุปสรรคด้านกฎหมายหรือข้อจํากัดในพื้นที่ เพื่อนําไปสู่การแก้ไขและผลักดันให้เกิดผลสําเร็จที่เป็นรูปธรรม

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

3. ยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพตามมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด พร้อมส่งเสริมการสร้าง ตราสินค้า (Brand) และ เรื่องราว (Story) ในระดับจังหวัดและอําเภอ เพื่อสร้างเอกลักษณ์และมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมเสริม (เช่น การแปรรูปสินค้าเกษตร การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน) เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่หลากหลาย และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ทางเดียว

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

4. เสริมสร้างศักยภาพเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็ง สนับสนุนการเป็น ผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจร ของเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร พร้อมจัดหา สินเชื่อดอกเบี้ยต่ํา (Soft Loan) เพื่อการจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์ที่จําเป็น และมอบหมายให้เกษตรจังหวัดทําหน้าที่ประชาสัมพันธ์และขึ้นทะเบียนเครื่องจักรกลเพื่อให้บริการในพื้นที่อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสหกรณ์การเกษตร โดยสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนและต่อยอดธุรกิจ รวมถึง

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

กําหนดระบบการประเมินผลและตรวจสอบการดําเนินงานของสหกรณ์ เพื่อสร้างความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นต่อสมาชิกและสังคม5. จัดการทรัพยากรทางการเกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Go Green) ส่งเสริมการทําเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Go Green) ตามแนวทาง BCG / Carbon Credit เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการเผาซังข้าว/ตอซัง และลดการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงเกินความจําเป็น พร้อมผลักดันการใช้เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อผลิตพลังงานทดแทน ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมตาม Agri-Map และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมถึงการจัดทํามาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันและรับมือภัยแล้ง น้ําท่วม และภัยพิบัติอื่น ๆ ให้สามารถดําเนินการได้ทันท่วงที และเร่งสร้างอาชีพทดแทน ให้แก่เกษตรกรในช่วงเกิดภัยพิบัติ

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

6. ปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด ดําเนินมาตรการอย่างเข้มงวดในการ ปราบปรามการลักลอบนําเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อระบบการผลิตและเสถียรภาพราคาสินค้าในประเทศ พร้อมตรวจสอบและติดตาม สต็อกสินค้าเกษตร ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงควบคุมการนําเข้าสินค้าเกษตรในช่วงก่อนผลผลิตออกสู่ตลาด เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรไทย

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

นอกเหนือจากภารกิจข้างต้น กระทรวงเกษตรฯ ได้กำหนด นโยบายเร่งด่วน "3 สร้าง" เพื่อเป็นกลไกสําคัญในการสร้างความเข้มแข็งในระยะแรก ได้แก่ 1. สร้างรายได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์/พืชตระกูลถั่ว และสร้างรายได้จากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร 2. สร้างตลาด ขยายตลาดสินค้าเกษตรทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเชื่อมโยงสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์กับการท่องเที่ยว และ 3. สร้างโอกาส ยกระดับทักษะ (Reskill และ Upskill) ของเกษตรกรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

“ผมพร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้ง 2 ท่าน รวมถึงผู้บริหารทีมข้าราชการและบุคลากรพี่น้องครอบครัวกระทรวงเกษตรฯ ทุกคน มุ่งมั่นตั้งใจ จะร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายอย่างไม่ย่อท้อ เราจะไม่ทิ้งเกษตรกรไว้ข้างหลัง และจะใช้ทุกศักยภาพที่มีเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับภาคเกษตรกรรมไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลกอย่างแท้จริง” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   กล่าวว่า จะทำงานตามที่รัฐมนตรีว่าการฯ ได้มอบหมายให้เต็มที่โดยเฉพาะงานของกรมปศุสัตว์ จะเน้นการทำฮาลาล หรือกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม โดยเน้นการบริการที่เอื้อต่อชาวมุสลิม ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

'ธรรมนัส'  สานนโยบายเดิม เร่งดันนโยบาย 3 สร้าง ดันรายได้ ตลาด โอกาสเกษตรกร

ด้าน นายนเรศ ธํารงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า กว่าจะมี ครม.ใหม่ คาดว่าอย่างน้อย 9 เดือน เพราะฉะนั้นงานฟังก์ชัน แต่ละกรมที่ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้รับมอบนโยบาย ได้ใช้งบประมาณถึงไตรมาส 3 แน่นอน เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็คงทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะกรมที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรวมทั้งงานนโยบายที่ท่านมอบไว้โดยตรง ก็คงจะช่วยกันขับเคลื่อน ผมได้มีการประสานส่วนตัวไปแล้วในเรื่องข้อมูลต่างๆ ให้ขับเคลื่อนอย่างเร่งด้วน ยกตัวอย่าง กรมส่งเสริมการเกษตร อาทิ พรบ.ลำไยฯ เป็นต้น ก็เป็นหนึ่งในนโยบายควิกวิน ด้วย และถ้าทำสำเร็จจะเป็นผลงานของกระทรวงฯ

“ผมเป็นคนทำงาน สไตล์เดียวกันกับรัฐมนตรี  และเป็นคนน้ำไม่เต็มแก้ว มีการทำงานเป็นทีม ช่วยกันระดมความคิดเห็นเพื่อให้งานนโยบายสัมฤทธิ์ผล จากนี้จะเดินทางไปกรมต่างๆ เพื่อร่วมกันปรึกษาหารือ ให้งานนโยบายออกมาเร็วที่สุด”