KEY
POINTS
ในการประชุมรัฐสภา วาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยนางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภา ถึง แผนงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกระทรวงฯ ภายใต้นโยบาย "กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว" โดยระบุว่า การมุ่งเน้นการเจรจาการค้า การปราบปรามการสวมสิทธิ์และการปลอมแปลงสินค้า การพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) การลดค่าครองชีพ และการบริหารจัดการสินค้าเกษตรอย่างเป็นระบบ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
โดยการเร่งรัดความตกลงการค้ากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยพึ่งพิงการส่งออกถึง 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนการส่งออกรวม 18% คิดเป็น 10% ของ GDP ไทย รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะสรุปความตกลงการค้าต่างประเทศ หรือ Agreement on Reciprocal Tax (ART) ให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการลงนาม Joint Statement เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รายละเอียดทางเทคนิคยังอยู่ระหว่างการหารือและจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับปรุงระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO) โดยรวมศูนย์การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO) ทั้งหมดมาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ จากเดิมที่ออกโดย 3 หน่วยงาน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังจากการสวมสิทธิ์จาก 49 รายการเป็น 65 รายการ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เจรจาและตกลงกฎระเบียบถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of Origin หรือ ROO) ฉบับใหม่กับสหรัฐฯ ซึ่งจะออกเป็นประกาศแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ระบบเทคโนโลยี "Lower Plus" และ "Smart Certificate of Origin" จะถูกนำมาใช้เพื่อดูแลการออก CO ตั้งแต่ต้นทางในประเทศไทยไปจนถึงปลายทางในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ ROO และการออก CO ที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการ โดยร่วมมือกับสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และตลาดทุนไทยการแก้ไขปัญหาสินค้าทะลักและธุรกิจต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับ 16 หน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายและไม่ได้มาตรฐานผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมา
นางศุภจี ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์มุ่งเน้นมาตรการช่วยเหลือ SME 6 ด้าน โดยมีรายละเอียดดังนี้
ทั้งนี้ การช่วยเหลือผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชากระทรวงพาณิชย์มีมาตรการช่วยเหลือประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยทำงานร่วมกับฝ่ายมั่นคงและมหาดไทย
อย่างไรก็ดี ขยายตลาดใหม่และเร่งรัดความตกลงการค้าเสรี (FTA) ปัจจุบันประเทศไทยมี FTA 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ ปีนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ไทยได้ลงนาม FTA กับ EFTA (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์) ซึ่งเป็นครั้งแรกกับกลุ่มประเทศในยุโรป และจะเป็นฐานที่ดีในการต่อยอดเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลภายในวาระนี้ คือการเร่งบรรลุข้อตกลง FTA กับสหภาพยุโรป (EU) และเกาหลีใต้
นอกจากนี้ จะผลักดันให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ให้มากขึ้น ซึ่งแม้จะมีเวลาจำกัดเพียง 4 เดือน รัฐมนตรีศุภจีแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถแสดงผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมได้