'ศุภจี' เดินเครื่องเร่งเจรจาค้า-ลดค่าครองชีพ มั่นใจเห็นผลลัพธ์ชัด 4 เดือน

29 ก.ย. 2568 | 23:13 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2568 | 02:44 น.

'ศุภจี' รมว. พาณิชย์ เปิดแผนเศรษฐกิจ "กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว" เร่งเจรจาการค้า-กวาดล้างสินค้าสวมสิทธิ์ หนุน SME–ลดค่าครองชีพ ชูผลลัพธ์ชัดใน 4 เดือน

KEY

POINTS

  • กระทรวงพาณิชย์เสนอแผน "กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว" มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการเร่งรัดข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ การพัฒนาผู้ประกอบการ SME และมาตรการลดค่าครองชีพ
  • เน้นการกระจายความเสี่ยงโดยการขยายตลาดส่งออกใหม่และเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการปราบปรามสินค้าสวมสิทธิ์และปรับปรุงระบบการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
  • นางศุภจี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มั่นใจว่ามาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการจะสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมได้ภายใน 4 เดือน

ในการประชุมรัฐสภา วาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยนางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภา ถึง แผนงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกระทรวงฯ ภายใต้นโยบาย "กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว"  โดยระบุว่า การมุ่งเน้นการเจรจาการค้า การปราบปรามการสวมสิทธิ์และการปลอมแปลงสินค้า การพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) การลดค่าครองชีพ และการบริหารจัดการสินค้าเกษตรอย่างเป็นระบบ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

โดยการเร่งรัดความตกลงการค้ากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยพึ่งพิงการส่งออกถึง 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนการส่งออกรวม 18% คิดเป็น 10% ของ GDP ไทย รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะสรุปความตกลงการค้าต่างประเทศ หรือ Agreement on Reciprocal Tax (ART) ให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการลงนาม Joint Statement เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รายละเอียดทางเทคนิคยังอยู่ระหว่างการหารือและจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับปรุงระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO) โดยรวมศูนย์การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO) ทั้งหมดมาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ จากเดิมที่ออกโดย 3 หน่วยงาน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังจากการสวมสิทธิ์จาก 49 รายการเป็น 65 รายการ 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เจรจาและตกลงกฎระเบียบถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of Origin หรือ ROO) ฉบับใหม่กับสหรัฐฯ ซึ่งจะออกเป็นประกาศแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ระบบเทคโนโลยี "Lower Plus" และ "Smart Certificate of Origin" จะถูกนำมาใช้เพื่อดูแลการออก CO ตั้งแต่ต้นทางในประเทศไทยไปจนถึงปลายทางในสหรัฐฯ 

นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ ROO และการออก CO ที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการ โดยร่วมมือกับสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และตลาดทุนไทยการแก้ไขปัญหาสินค้าทะลักและธุรกิจต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย

 

'ศุภจี'  เดินเครื่องเร่งเจรจาค้า-ลดค่าครองชีพ มั่นใจเห็นผลลัพธ์ชัด 4 เดือน

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับ 16 หน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายและไม่ได้มาตรฐานผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมา

นางศุภจี ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์มุ่งเน้นมาตรการช่วยเหลือ SME 6 ด้าน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ขยายตลาดใหม่ มุ่งเน้นตลาดที่มีความต้องการสินค้าไทยสูง เช่น เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา
  • พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ให้ความรู้และแพลตฟอร์มด้านบัญชีและสินค้าคงคลัง สนับสนุนทุน 10,000 บาทต่อรายแก่ SME เพื่อซื้อแพลตฟอร์มออนไลน์ และมุ่งเน้นธุรกิจเป้าหมาย เช่น อาหาร สุขภาพและความงาม โลจิสติกส์ ธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก ค้าส่งค้าปลีก และบริการผู้สูงอายุ
  • เพิ่มช่องทางและโอกาสทางการค้า ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานรัฐอย่างไปรษณีย์ไทย เพื่อลดค่า GP และกระจายสินค้าเกษตรหรือสินค้าทั่วไปไปทั่วประเทศ
  • เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ เน้นสินค้า Geographical Indication (GI) ซึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่าถึง 82,000 ล้านบาท และปีนี้ทำเพิ่มขึ้นแล้ว 6,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการ Thai Select และ Thailand Trust Mark และสนับสนุนโครงการ Made in Thailand (MIT) ของสภาอุตสาหกรรม ร่วมมือสถาบันการเงินให้เข้าถึงแหล่งทุน 
  • ปรับปรุงแพลตฟอร์มให้เข้าถึงง่าย ตั้งใจเปลี่ยนชื่อและปรับปรุงวิธีการทำงานของแพลตฟอร์ม "ม็อบฟองดู" ให้ใช้งานง่ายขึ้นและครบวงจรในที่เดียว
  • ลดค่าครองชีพและเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนโดยกระทรวงพาณิชย์ดำเนินโครงการลดค่าครองชีพโดยตรงอย่างต่อเนื่อง อาทิ มหกรรมธงฟ้า ลดราคาสินค้า ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ 

ทั้งนี้ การช่วยเหลือผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชากระทรวงพาณิชย์มีมาตรการช่วยเหลือประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยทำงานร่วมกับฝ่ายมั่นคงและมหาดไทย

  • ลดค่าครองชีพประชาชน เพิ่มการจัดงานธงฟ้าในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน และร่วมมือกับพาณิชย์จังหวัด มหาดไทย และหอการค้าไทย (YEC) ลงพื้นที่สำรวจความต้องการ
  • เกษตรกร ผู้ประกอบการ สนับสนุนค่าขนส่งฟรีร่วมกับไปรษณีย์ไทย (50/50) เพื่อกระจายสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไปทั่วประเทศ รวมถึงการจัดมหกรรมการค้าชายแดน
  • ผู้ส่งออก เพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าและหาตลาดใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง

 

'ศุภจี'  เดินเครื่องเร่งเจรจาค้า-ลดค่าครองชีพ มั่นใจเห็นผลลัพธ์ชัด 4 เดือน

 

อย่างไรก็ดี ขยายตลาดใหม่และเร่งรัดความตกลงการค้าเสรี (FTA) ปัจจุบันประเทศไทยมี FTA 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ ปีนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ไทยได้ลงนาม FTA กับ EFTA (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์) ซึ่งเป็นครั้งแรกกับกลุ่มประเทศในยุโรป และจะเป็นฐานที่ดีในการต่อยอดเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลภายในวาระนี้ คือการเร่งบรรลุข้อตกลง FTA กับสหภาพยุโรป (EU) และเกาหลีใต้

นอกจากนี้ จะผลักดันให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ให้มากขึ้น ซึ่งแม้จะมีเวลาจำกัดเพียง 4 เดือน รัฐมนตรีศุภจีแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถแสดงผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมได้