พันธบัตรดิจิทัลหมื่นล้าน-จัดหาโดรนล้านลำ เกษตรอนาคต หรือฝันลม ๆ แล้ง ๆ ?

13 ก.ย. 2568 | 08:31 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ย. 2568 | 11:02 น.

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมออนไลน์ แวดวงเศรษฐกิจ และเกษตรกร ต่างจับตาโครงการที่มีการกล่าวอ้างว่าจะมีการออกพันธบัตรดิจิทัลมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดหาโดรนอัจฉริยะ 1 ล้านลำในประเทศไทย

KEY

POINTS

  • โครงการโดยเอกชนเสนอระดมทุน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านพันธบัตรดิจิทัล เพื่อจัดหาโดรนเกษตร 1 ล้านลำ โดยมีเป้าหมายเพื่อพลิกโฉมเกษตรกรรมไทย
  • เกิดข้อกังขาถึงความเป็นไปได้จริงของโครงการ ทั้งในด้านการเงินที่ใช้เงินทุนมหาศาล และความโปร่งใสหลังมีการอ้างชื่อกองทัพภาคที่ 2 เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
  • กองทัพภาคที่ 2 ได้ปฏิเสธการมีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ โดยชี้แจงว่าเป็นเพียงการรับฟังข้อเสนอ และโครงการยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมออนไลน์ แวดวงเศรษฐกิจ และเกษตรกร ต่างจับตาโครงการที่มีการกล่าวอ้างว่าจะมีการออกพันธบัตรดิจิทัลมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดหาโดรนอัจฉริยะ 1 ล้านลำในประเทศไทย

มีจุดมุ่งหมายเพื่ออบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อเพิ่มทักษะให้กับทหารในการทำการเกษตร เพื่อพลิกโฉมภาคการเกษตรไทย

โครงการนี้กลายเป็นกระแสร้อนแรงทันที เนื่องจากมีการอ้างถึงการมีส่วนเกี่ยวข้องของกองทัพภาคที่ 2 และชื่อของพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ความเป็นไปได้ และประโยชน์ที่แท้จริงที่จะเกิดขึ้น

การเปิดตัวโครงการในลักษณะนี้ แม้จะมีความน่าสนใจในมิติของเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่กลับเต็มไปด้วยข้อสงสัย ทั้งในแง่การเงิน การดำเนินงาน และผลกระทบต่อเกษตรกรไทยจริง ๆ รวมถึงความเหมาะสมในการใช้ชื่อหน่วยงานรัฐเป็นเครื่องมือสร้างความน่าเชื่อถือ

พันธบัตรดิจิทัลหมื่นล้าน-จัดหาโดรนล้านลำ เกษตรอนาคต หรือฝันลม ๆ แล้ง ๆ ? ที่มาและบริบทของโครงการนี้ ถูกเสนอโดย Capital Trust Group (CTG) ซึ่งระบุว่าเป็นบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจด้านการเงินและเทคโนโลยีเกษตรในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกา

รายละเอียดที่เผยแพร่จาก CTG ระบุว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะใช้วงเงิน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดหาโดรนเกษตรอัจฉริยะ 1,000,000 ลำ และฝึกอบรมนักบินโดรนขั้นสูง 100,000 คน โดยโครงการระบุว่าสามารถนำเทคโนโลยีโดรนมาใช้ได้หลากหลายด้าน ทั้งการพ่นปุ๋ย/สารเคมี การเก็บเกี่ยว การเฝ้าระวังพืชและสัตว์ และแม้แต่การใช้งานเพื่อสาธารณภัย

ในเอกสาร PR ของบริษัท มีการอ้างชื่อบุคคลจากแวดวงทหารและอดีตแม่ทัพหลายคน ว่าเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของโครงการ ซึ่งรวมถึงแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ทำให้โครงการถูกตีความว่ามีความน่าเชื่อถือและเชื่อมโยงกับรัฐไทย

  • ความเป็นไปได้ของโครงการ

มิติด้านการเงินและกฎหมาย

ตัวเลขเม็ดเงิน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(หรือกว่า 9.3 แสนล้านบาท คำนวณที่ 31 บาทต่อดอลลาร์) ผ่านการออกพันธบัตรดิจิทัล ถือว่ามากเกินกว่าการลงทุนในเทคโนโลยีเกษตรไทยที่เคยเกิดขึ้น

การออกพันธบัตรดิจิทัลในประเทศไทยต้องอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงาน ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ถูกกฎหมายและสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้อย่างถูกต้อง ข้อมูลปัจจุบันยังไม่มีเอกสารยืนยันว่าโครงการนี้ได้รับการอนุมัติใด ๆ จากหน่วยงานรัฐ

มิติด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติการ

การจัดหา โดรน 1,000,000 ลำ เป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก ทั้งในแง่การผลิต การขนส่ง การฝึกอบรม การบำรุงรักษา และการวางระบบสนับสนุน ทั้งนี้การฝึกอบรมนักบินโดรน 100,000 คน ต้องใช้ทรัพยากรบุคลากร วิทยฐานะ และโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาล รวมถึงการบูรณาการโดรนเข้ากับภาคการเกษตรดั้งเดิมก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องศึกษาอย่างละเอียด

ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์และสังคม

การอ้างชื่อหน่วยงานทหาร อาจทำให้เกิดคำถามเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการใช้ชื่อรัฐสร้างความน่าเชื่อถือ หากโครงการไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่กล่าวอ้าง อาจเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชนและนักลงทุน

ผลประโยชน์ต่อเกษตรกร

หากโครงการเกิดขึ้นจริง เกษตรกรไทยอาจได้รับประโยชน์หลายด้าน เช่น

ลดต้นทุนแรงงาน : โดรนช่วยพ่นปุ๋ยและสารเคมีได้รวดเร็ว ลดแรงงานคน

เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต : ข้อมูลจากโดรนช่วยวางแผนการจัดการพืช การใช้น้ำ ปุ๋ย และสารเคมีอย่างแม่นยำ

ฝึกทักษะใหม่ : ทหาร เกษตรกรและผู้ช่วยเกษตรกรอาจได้รับโอกาสฝึกทักษะการใช้โดรนและเทคโนโลยีดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรรายย่อยที่มีรายได้น้อยและเข้าถึงเทคโนโลยียาก อาจไม่สามารถเข้าถึงโดรนเหล่านี้ได้จริง หากไม่มีโครงสร้างสนับสนุนหรือการจัดสรรเครื่องมืออย่างเป็นระบบ

ผู้ได้ประโยชน์จากโครงการ

บริษัท CTG : ได้ประโยชน์จากชื่อเสียง การประชาสัมพันธ์ และอาจสร้างรายได้จากการจำหน่ายโดรนและบริการที่เกี่ยวข้อง

ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์/อดีตแม่ทัพ : มีโอกาสได้มีบทบาททางวิชาการ หรือเข้าร่วมคณะกรรมการโครงการ

ผู้ผลิตโดรน/ธุรกิจ AgriTech : หากโครงการสำเร็จ จะมีการสั่งซื้อและให้บริการบำรุงรักษาโดรนจำนวนมหาศาล

เกษตรกร/ชุมชนชายแดน : ได้เทคโนโลยีและโอกาสฝึกทักษะใหม่

หน่วยงานรัฐ : หากโครงการดำเนินได้จริง อาจช่วยเพิ่มความมั่นคงอาหารและยกระดับเกษตรกรรมในพื้นที่ชายแดน

ล่าสุด กองทัพภาคที่ 2 โดยพลโทบุญสิน พาดกลาง และกองทัพบก ได้ชี้แจงว่าโครงการดังกล่าวเป็นเพียงการรับฟังข้อมูลโครงการและรับฟังข้อเสนอที่เกี่ยวข้องจากภาคเอกชนเท่านั้น ยังไม่ได้มีการอนุมัติหรือมีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้กองทัพย้ำว่า ไม่เคยเซ็นสัญญา และการอ้างชื่อหน่วยงานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออาจมีเจตนาแฝง ขณะที่โพสต์และเอกสารที่เชื่อมโยงโครงการกับกองทัพภาคที่ 2 ล่าสุดได้ถูกลบออกจากเพจทางการแล้ว

พันธบัตรดิจิทัลหมื่นล้าน-จัดหาโดรนล้านลำ เกษตรอนาคต หรือฝันลม ๆ แล้ง ๆ ?

อย่างไรก็ตามโครงการนี้มีแนวคิดน่าสนใจในเชิงเทคโนโลยี แต่ความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติและความโปร่งใสยังมีข้อสงสัยสูง เกษตรกรรายย่อยอาจได้รับประโยชน์น้อย หากไม่มีการวางโครงสร้างสนับสนุน ขณะที่การเชื่อมโยงโครงการกับกองทัพและบุคคลสำคัญ สร้างความน่าเชื่อถือ แต่ต้องระวังข้อกฎหมายและผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และก่อนยืนยันความสำเร็จ ต้องมีเอกสารและอนุมัติทางการเงินอย่างเป็นทางการ จาก ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย

ดังนั้นโครงการพันธบัตรดิจิทัล 30,000 ล้านดอลลาร์และโดรนเกษตร 100,000 ลำ แม้จะถูกนำเสนอเป็นโครงการเปลี่ยนโฉมเกษตรไทย แต่เมื่อพิจารณาเชิงลึก พบความเสี่ยงทั้งในแง่การเงิน เทคโนโลยี และการบริหารจัดการ ผลประโยชน์อาจไปตกอยู่กับผู้เสนอและผู้มีอำนาจมากกว่ากลุ่มเกษตรกรรายย่อย

โครงการนี้จึงยังเป็นภาพฝันที่มีแนวคิดน่าสนใจ แต่เสี่ยงสะดุด หากไม่มีความโปร่งใสและการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด