KEY
POINTS
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์
พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น “มาตรการ คนละครึ่ง 2568” ของรัฐบาลชุดใหม่ มองว่า จะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 2568 กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ทั้งผู้ประกอบการ-ร้านค้าชุมชน ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และภาคประชาชน ขณะที่งบประมาณ 25,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงแค่เฟสแรกเท่านั้น สามารถสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ 1 เท่าตัว หรือ อย่างน้อย 50,000 ล้านบาท
โดยกำหนดระยะเวลาการใช้จ่าย 3 เดือนไปจนสิ้นสุดไตรมาส 4 หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ก็สามารถนำงบกลางปี 2569 ดำเนินการต่อเนื่องซึ่งจะพอดีกับอายุรัฐบาลใหม่ 4 เดือน
อย่างไรก็ตามหากจะทำให้เศรษฐกิจโตต่อเนื่อง ควรเพิ่มงบมาตรการ คนละครึ่ง ราว 50,000 ล้านบาท จะทำให้มีเงินในระบบเศรษฐกิจ 100,000 ล้านบาท สามารถทำให้ GDP ในไตรมาส 4 โต 2-3% จากเดิมประเมินว่าจะโต 1-2%
ส่วนประเด็นเงื่อนไขรายละเอียดมาตรการฯ อาทิ กลุ่มคนเสียภาษี 60:40 กลุ่มคนทั่วไป เริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปี 50:50 มองว่า เหมาะสมแล้ว เพราะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนไทยเข้าสู่ระบบการเสียเพราะปัจจุบันคนจ่ายภาษีเพียง 4 ล้านคน ขณะที่อยู่ในระะบภาษีทั้งหมด 11 ล้านคน
อย่างไรก็ดี จากการประเมิน GDP ไทยปี 2568 คาดว่าจะโต 2-2.5% (จากเดิมประเมินว่าจะโตเพียงแค่ 2%) มาจากปัจจัย มาตรการกระตุ้นการบริโภค การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2569 ในไตรมาส 4 การการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี สามารถเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวให้ได้ตามเป้าหมาย 34 ล้านคน เป็นต้น
นายธนวรรธน์ กล่าวถึงการวิเคราะห์ภาพลักษณ์ ครม. เศรษฐกิจ(คนนอก) ในรัฐบาลนายอุนทิน ว่า มีความน่าเชื่อถือ อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซึ่งมีความเข้าใจงานในกระทรวงการคลัง และผ่านการทำนโยบายระดับโลก เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ผ่านการบริหารงานบริษัทเอกชนซึ่งมีโครงสร้างองค์กรซับซ้อน เชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่ซับซ้อน-เข้าใจเอกชนรวมถึงสานต่อการเจรจาภาษีสหรัฐได้ทันที