กรมวิชาการเกษตร 'Food Safety' เกราะป้องกันจากฟาร์มถึงจาน

08 ก.ย. 2568 | 10:26 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2568 | 10:36 น.

เคยคิดไหมว่า ผักผลไม้ที่เรากินทุกวัน ปลอดภัยจริงหรือเปล่า? กรมวิชาการเกษตรหนึ่งในด่านหน้า ที่ปกป้องความปลอดภัยของอาหาร ตั้งแต่ปี 2547 ผลักดันมาตรการ Food Safety อย่างจริงจัง ภายใต้นโยบาย “From Farm to Table” เข้มงวดเรื่อง Food Safety ตั้งแต่ไร่จนถึงจานอาหาร

เมื่อบริโภคผลไม้ที่มีรสชาติหวานฉ่ำหรือผักสดที่กรอบอร่อย หลายครั้งอาจเกิดคำถามขึ้นว่า “อาหารเหล่านี้ปลอดภัยเพียงใด”
คำถามดังกล่าวไม่ใช่เรื่องไกลตัว เนื่องจากในแต่ละปีมีประชากรทั่วโลกมากกว่า 600 ล้านคนล้มป่วย และกว่า 400,000 คนเสียชีวิต จากการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน

แม้แต่ผลไม้ที่ดูสะอาดสะอ้าน ก็อาจมีสารเคมีหรือเชื้อโรคที่ไม่สามารถมองเห็นได้แฝงอยู่ ดังนั้น “Food Safety” จึงไม่ใช่เพียงคำที่ฟังดูสวยหรู แต่เป็นมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพอาหารตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงการบริโภค หรือแนวคิด “From Farm to Table”

บทบาทของกรมวิชาการเกษตร : ด่านหน้าเพื่อความปลอดภัยอาหาร

ในประเทศไทย กรมวิชาการเกษตรถือเป็นหน่วยงานหลักที่เดินหน้าขับเคลื่อน มาตรการ Food Safety อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2547 โดยวางระบบตรวจสอบคุณภาพครอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิต เช่น

  • ตรวจสอบและรับรองแหล่งผลิตผักผลไม้ 

    ประเมินแปลงเพาะปลูกด้วยมาตรฐาน GAP มาตรฐานสำหรับเกษตรกรในการผลิตสินค้าเกษตรให้ปลอดภัย

    ครอบคลุมการผลิตสินค้าเกษตรอย่างครบวงจรตั้งแต่ปัจจัยการผลิต การเก็บเกี่ยว การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ และการขนส่งการผลิต โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความปลอดภัยและสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงาน

  • ควบคุมโรงคัดบรรจุและแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อการนำเข้าและส่งออก ด้วยมาตรฐาน GMP 
    มาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุผักผลไม้สด ครอบคลุมเรื่องการผลิตสะอาด สุขลักษณะ และความปลอดภัยในโรงงาน และมาตรฐาน HACCP ที่ใช้ในการควบคุมอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอาหาร เป็นระบบที่ใช้ควบคุมอันตรายตลอดกระบวนการผลิต โดยเฉพาะเมื่อส่งออกไปยุโรปหรือประเทศที่เข้มงวดด้านมาตรฐาน โดยออกใบรับรองที่อิงตามมาตรฐานสากล 

  • พัฒนาระบบตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าเกษตร

    โดยเฉพาะผักและผลไม้ไทยเพื่อการส่งออกที่สร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ

ก้าวสู่ยุคดิจิทัลด้วย “E-Phyto”

อีกหนึ่งก้าวสำคัญคือการออก ใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate) เพื่อยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ปลอดจากศัตรูพืชตามมาตรฐานคู่ค้า ปัจจุบันไทยได้พัฒนาระบบ E-Phyto หรือการแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้การส่งออกสะดวกขึ้น ลดเอกสารซ้ำซ้อน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งผลิต

ขณะนี้ไทยได้เริ่มใช้งานจริงกับ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ และอยู่ระหว่างการทดสอบกับหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา ชิลี ฟิจิ ฝรั่งเศส และโมร็อคโค ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการขยายการค้าเกษตรระหว่างประเทศ

 

การรักษามาตรฐานความปลอดภัยอาหาร ไม่เพียงแต่คุ้มครองผู้บริโภคจากความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในจานอาหาร แต่ยังทำให้สินค้าเกษตรไทยได้รับความเชื่อถือบนเวทีโลก เมื่อผสานกับนโยบาย Food Safety ที่เข้มแข็ง และเทคโนโลยีใหม่อย่าง E-Phyto ก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้า

เพราะในโลกที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้น
“อาหารปลอดภัย” ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่คือพาสปอร์ตสู่ตลาดโลกของเกษตรกรไทย