‘ไดสตาร์ เฟรช’ ชู ‘ฟาร์มแนวตั้ง’ ลดต้นทุน-สร้างรายได้เกษตรกรยั่งยืน

03 ก.ย. 2568 | 06:39 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2568 | 06:39 น.

‘ไดสตาร์ เฟรช’ ชูนวัตกรรมเกษตรกรยุคใหม่ ผ่าน “ฟาร์มแนวตั้งในร่ม” ผลลัพธ์โดดเด่น ใช้พื้นที่น้อย ลดต้นทุนแรงงาน สร้าง Ecosystem ธุรกิจเกษตร หนุนรายได้เกษตรกรที่มั่นคงและยั่งยืน 

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ได้จัดงาน BAAC EXCLUSIVE DINNER TALK 2025 AGRI REFORM : ปรับวิธีคิด พลิก ECOSYSTEM ให้เติบโต ร่วมรับฟังแนวคิดจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมกันจุดประกายความคิดในการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน 

นายกฤษณะ ธรรมวิมล ผู้ก่อตั้งบริษัท ไดสตาร์ เฟรช จำกัด หนึ่งในหัวขบวนเกษตรกรได้กล่าวบรรยายพิเศษภายใต้หัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพเกษตรกรไทย: พลิกโฉมสู่รายได้ที่ยั่งยืน”ว่า สถานการณ์ปัจจุบันของเกษตรกรไทย มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตรกับเกษตรกรไทย

ส่งผลให้เกษตรกรไทยเผชิญกับรายได้ไม่มั่นคง ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ และเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน

ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญกับโรคพืชและแมลงศัตรูพืช ส่งผลให้เกษตรกรไทยใช้สารเคมีปริมาณมาก โดยประเทศไทยใช้สารเคมีเป็นอันดับ 7 ของโลก ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และยังมีการแปรรูปผลผลิตน้อย ทำให้สินค้ามีมูลค่าไม่สูงขึ้น ขาดองค์ความรู้และเข้าถึงเทคโนโลยีได้ยาก และยังได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและพายุ 

นายกฤษณะ ธรรมวิมล ผู้ก่อตั้งบริษัท ไดสตาร์ เฟรช จำกัด

ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงได้นำเสนอแนวคิด “Indoor Vertical Farm” (ฟาร์มแนวตั้งในร่ม) มาใช้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มากในระดับโลก และในประเทศไทย

ไดสตาร์ เฟรช ได้ศึกษาและทำวิจัยเรื่องฟาร์มแนวตั้งนี้สามารถปลูกพืชได้ แม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น บนดาดฟ้า หรือในทะเลทราย โดยอาศัยการควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ 

หลักการสำคัญในการจัดทำฟาร์มแนวตั้งในร่มคือ การควบคุมปัจจัยต่างๆ อย่างแม่นยำ ได้แก่ 

  1. แสงไฟ LED ใช้แสงไฟ LED ที่ออกแบบและวิจัยพัฒนาเอง โดยสามารถควบคุมช่วงคลื่นแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  2. การควบคุมสภาพแวดล้อม ควบคุมอุณหภูมิ โดยใช้เครื่องปรับอากาศบ้านทั่วไปร่วมกับโซลาร์เซลล์, ควบคุมความชื้น, ควบคุมปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ (เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากธรรมชาติ), ควบคุมสารอาหารพืช, และควบคุมกระแสลมภายในโรงเรือน (พืชต้องการลมประมาณ 0.3 เมตรต่อวินาที) 
  3. ระบบน้ำและปุ๋ย บริหารจัดการทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานระดับ Medical Grade ใช้ปุ๋ย Medical Grade และน้ำสะอาด (ไม่ใช่จากน้ำประปาหรือแม่น้ำ) 
  4. สายพันธุ์พืช คัดเลือกสายพันธุ์พืชที่ดีที่สุด อร่อยที่สุด และเติบโตเร็วที่สุด เพื่อลดต้นทุนการผลิต  

ทั้งนี้ ผลลัพธ์และประโยชน์ที่โดดเด่นในการทำการเกษตรแบบฟาร์มแนวตั้งในร่ม คือ ประสิทธิภาพการใช้พื้นที่สูง เนื่องจากใช้พื้นที่ฟาร์มขนาดเพียง 100 ตารางวา สามารถผลิตผักได้ 10 ตันต่อเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับพื้นที่เกษตรอินทรีย์ขนาด 40 ไร่ ลดขนาดพื้นที่ลงได้มาก  

‘ไดสตาร์ เฟรช’ ชู ‘ฟาร์มแนวตั้ง’ ลดต้นทุน-สร้างรายได้เกษตรกรยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยใช้น้ำเพียง 60,000 ลิตรต่อเดือน ในการผลิตผัก 10 ตัน เทียบกับการปลูกแบบปกติที่ต้องใช้ 1.6 ล้านลิตรต่อเดือน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำได้อย่างมาก แม้ในฤดูแล้งก็ไม่มีปัญหา มีงานวิจัยที่มุ่งลดการใช้น้ำต่อต้นให้ต่ำลงอีก 

ขณะเดียวกัน ยังลดต้นทุนแรงงาน ซึ่งตัวอย่างการทำฟาร์มของตนนั้น ใช้แรงงานเพียง 8 คน ขณะที่การปลูกผักในพื้นที่ 40 ไร่ ปกติจะต้องใช้ประมาณ 80 คน โดยค่าจ้างแรงงานที่ลดลงสามารถนำไปจ่ายเป็นค่าไฟและค่าบริหารจัดการอื่นๆ ได้ 

ทั้งนี้ ยังสร้างโอกาสและอาชีพ สามารถจ้างผู้สูงอายุที่ยังทำงานได้ (เกิน 60 ปี) และผู้ที่ไม่มีโอกาสทางอาชีพมากนัก เช่น ผู้ค้าลอตเตอรี่ โดยให้เงินเดือนที่มั่นคง 20,000-30,000 บาท อีกทั้ง ยังมีคุณภาพและความปลอดภัยสูง รับประทานได้โดยไม่ต้องล้าง 

นายกฤษณะกล่าวว่า การทำการเกษตรแบบฟาร์มแนวตั้งในร่ม ยังต้นทุนการผลิตเทียบเท่าธรรมชาติ แม้จะเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ปัจจุบันต้นทุนการปลูกสามารถเทียบเท่ากับการปลูกผักอินทรีย์แบบธรรมชาติได้แล้ว ทำให้สามารถขายในราคาที่เข้าถึงได้ เช่น เทียบเท่ากับห้างสรรพสินค้า และราคาคงที่ตลอดปี ไม่มีการปรับราคาตามฤดูกาล ทำให้ผู้ประกอบการวางแผนต้นทุนได้ง่ายขึ้น และมั่นใจในปริมาณผลผลิตที่ใช้ได้ 100% 

‘ไดสตาร์ เฟรช’ ชู ‘ฟาร์มแนวตั้ง’ ลดต้นทุน-สร้างรายได้เกษตรกรยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังสามารถปลูกพืชได้ถึง 200 ชนิด ทั้งผักต่างประเทศและผักไทยยอดนิยม ยังพัฒนาให้ผักมีรสชาติที่อร่อยขึ้น ไม่ขม ทำให้เด็กๆ ชอบรับประทาน เพิ่มสารอาหารได้ด้วย ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และยังสามารถผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้อีกด้วย 

นายกฤษณะ ยังกล่าวว่า เทคโนโลยีนี้ จะช่วยให้ประเทศต่างๆ สามารถผลิตอาหารได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การเกษตรเป็นเรื่องยาก และงานวิจัยของไดสตาร์ เฟรช ในการทำการเกษตรแบบฟาร์มแนวตั้งในร่ม ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศการปลูกและการขาย ได้รับคะแนนรีวิวสูงถึง 82 คะแนน

“นวัตกรรมนี้คือ จุดแข็งที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้าง Ecosystem ของธุรกิจเกษตร สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ฟาร์มแห่งนี้มุ่งมั่นที่จะเป็น ศูนย์กลางองค์ความรู้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรคนอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถก้าวข้ามปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยเชื่อว่านี่คือ ทางออกสำหรับอนาคตของโลกและมนุษยชาติ” 

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,128 วันที่ 4 - 6 กันยายน พ.ศ. 2568