ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ได้จัดงาน BAAC EXCLUSIVE DINNER TALK 2025 AGRI REFORM : ปรับวิธีคิด พลิก ECOSYSTEM ให้เติบโต ร่วมรับฟังแนวคิดจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมกันจุดประกายความคิดในการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน
นายกฤษณะ ธรรมวิมล ผู้ก่อตั้งบริษัท ไดสตาร์ เฟรช จำกัด หนึ่งในหัวขบวนเกษตรกรได้กล่าวบรรยายพิเศษภายใต้หัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพเกษตรกรไทย: พลิกโฉมสู่รายได้ที่ยั่งยืน”ว่า สถานการณ์ปัจจุบันของเกษตรกรไทย มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตรกับเกษตรกรไทย
ส่งผลให้เกษตรกรไทยเผชิญกับรายได้ไม่มั่นคง ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ และเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน
ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญกับโรคพืชและแมลงศัตรูพืช ส่งผลให้เกษตรกรไทยใช้สารเคมีปริมาณมาก โดยประเทศไทยใช้สารเคมีเป็นอันดับ 7 ของโลก ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และยังมีการแปรรูปผลผลิตน้อย ทำให้สินค้ามีมูลค่าไม่สูงขึ้น ขาดองค์ความรู้และเข้าถึงเทคโนโลยีได้ยาก และยังได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและพายุ
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงได้นำเสนอแนวคิด “Indoor Vertical Farm” (ฟาร์มแนวตั้งในร่ม) มาใช้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มากในระดับโลก และในประเทศไทย
ไดสตาร์ เฟรช ได้ศึกษาและทำวิจัยเรื่องฟาร์มแนวตั้งนี้สามารถปลูกพืชได้ แม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น บนดาดฟ้า หรือในทะเลทราย โดยอาศัยการควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
หลักการสำคัญในการจัดทำฟาร์มแนวตั้งในร่มคือ การควบคุมปัจจัยต่างๆ อย่างแม่นยำ ได้แก่
ทั้งนี้ ผลลัพธ์และประโยชน์ที่โดดเด่นในการทำการเกษตรแบบฟาร์มแนวตั้งในร่ม คือ ประสิทธิภาพการใช้พื้นที่สูง เนื่องจากใช้พื้นที่ฟาร์มขนาดเพียง 100 ตารางวา สามารถผลิตผักได้ 10 ตันต่อเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับพื้นที่เกษตรอินทรีย์ขนาด 40 ไร่ ลดขนาดพื้นที่ลงได้มาก
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยใช้น้ำเพียง 60,000 ลิตรต่อเดือน ในการผลิตผัก 10 ตัน เทียบกับการปลูกแบบปกติที่ต้องใช้ 1.6 ล้านลิตรต่อเดือน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำได้อย่างมาก แม้ในฤดูแล้งก็ไม่มีปัญหา มีงานวิจัยที่มุ่งลดการใช้น้ำต่อต้นให้ต่ำลงอีก
ขณะเดียวกัน ยังลดต้นทุนแรงงาน ซึ่งตัวอย่างการทำฟาร์มของตนนั้น ใช้แรงงานเพียง 8 คน ขณะที่การปลูกผักในพื้นที่ 40 ไร่ ปกติจะต้องใช้ประมาณ 80 คน โดยค่าจ้างแรงงานที่ลดลงสามารถนำไปจ่ายเป็นค่าไฟและค่าบริหารจัดการอื่นๆ ได้
ทั้งนี้ ยังสร้างโอกาสและอาชีพ สามารถจ้างผู้สูงอายุที่ยังทำงานได้ (เกิน 60 ปี) และผู้ที่ไม่มีโอกาสทางอาชีพมากนัก เช่น ผู้ค้าลอตเตอรี่ โดยให้เงินเดือนที่มั่นคง 20,000-30,000 บาท อีกทั้ง ยังมีคุณภาพและความปลอดภัยสูง รับประทานได้โดยไม่ต้องล้าง
นายกฤษณะกล่าวว่า การทำการเกษตรแบบฟาร์มแนวตั้งในร่ม ยังต้นทุนการผลิตเทียบเท่าธรรมชาติ แม้จะเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ปัจจุบันต้นทุนการปลูกสามารถเทียบเท่ากับการปลูกผักอินทรีย์แบบธรรมชาติได้แล้ว ทำให้สามารถขายในราคาที่เข้าถึงได้ เช่น เทียบเท่ากับห้างสรรพสินค้า และราคาคงที่ตลอดปี ไม่มีการปรับราคาตามฤดูกาล ทำให้ผู้ประกอบการวางแผนต้นทุนได้ง่ายขึ้น และมั่นใจในปริมาณผลผลิตที่ใช้ได้ 100%
นอกจากนี้ ยังสามารถปลูกพืชได้ถึง 200 ชนิด ทั้งผักต่างประเทศและผักไทยยอดนิยม ยังพัฒนาให้ผักมีรสชาติที่อร่อยขึ้น ไม่ขม ทำให้เด็กๆ ชอบรับประทาน เพิ่มสารอาหารได้ด้วย ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และยังสามารถผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้อีกด้วย
นายกฤษณะ ยังกล่าวว่า เทคโนโลยีนี้ จะช่วยให้ประเทศต่างๆ สามารถผลิตอาหารได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การเกษตรเป็นเรื่องยาก และงานวิจัยของไดสตาร์ เฟรช ในการทำการเกษตรแบบฟาร์มแนวตั้งในร่ม ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศการปลูกและการขาย ได้รับคะแนนรีวิวสูงถึง 82 คะแนน
“นวัตกรรมนี้คือ จุดแข็งที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้าง Ecosystem ของธุรกิจเกษตร สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ฟาร์มแห่งนี้มุ่งมั่นที่จะเป็น ศูนย์กลางองค์ความรู้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรคนอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถก้าวข้ามปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยเชื่อว่านี่คือ ทางออกสำหรับอนาคตของโลกและมนุษยชาติ”
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,128 วันที่ 4 - 6 กันยายน พ.ศ. 2568