ธ.ก.ส.ปรับบทบาทสู่ “แกนกลางการเกษตร” มุ่งพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน

01 ก.ย. 2568 | 15:38 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2568 | 06:03 น.

ธ.ก.ส.พลิก ECOSYSTEM ให้เติบโต ปรับบทบาทสู่ “แกนกลางการเกษตร” ผ่าน 4 แนวทางหลัก มุ่งเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน rพร้อมเป็นองค์รวม เนื้อเดียวกัน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้จากเกษตรกร

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวเปิดงาน BAAC EXCLUSIVE DINNER TALK 2025 AGRI REFORM : ปรับวิธีคิด พลิก ECOSYSTEM ให้เติบโต ว่า ธ.ก.ส. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการเป็น พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา 

'เราเคียงข้างเกษตรกรไทยมาโดยตลอด  ไม่เพียงแต่เป็นผู้ให้สินเชื่อ  แต่เราเป็น “ องค์รวม เนื้อเดียวกัน ซึ่งไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ” เราร่วมสร้างโอกาส เติมความรู้ และสร้างความมั่นคงในชีวิตให้พี่น้องเกษตรกร' 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ โลกเกษตรกรรมเผชิญความท้าทายมาโดยตลอด จากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีการผลิต การตลาด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความเปราะบางจากคนสูงอายุของเกษตรกร ลูกหลานเกษตรกรออกจากภาคการเกษตร และ Perception ของคนทั่วไปที่มองงานด้านเกษตรเป็นงานที่ลำบากและจน 

ธ.ก.ส. จึงต้องปรับตัวและปรับบทบาทในการเป็นกลไกสำคัญเพื่อยกระดับภาคเกษตร สนับสนุนการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ให้เติบโต ภายใต้แนวคิด “Essence of Agriculture” หรือ “แกนกลางการเกษตร” ใช้จุดแข็งของ ธ.ก.ส. คือ “คนของเรา รักลูกค้า และ ลูกค้า เชื่อเรา” 

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

โดยมี 4 แกนที่สำคัญ คือ 

  • การสนับสนุนเงินทุนเพื่อภาคการเกษตร (Funding)
  • การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและการทำการเกษตรแบบใหม่ (Technology)
  • การพัฒนาตลาดและองค์ความรู้ (Knowledge & Marketing)
  • การยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Value Added) 

เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ภายใต้ความท้าทายทั้งจากภายในที่ ธ.ก.ส. ต้องปรับวิธีคิด ปรับวิธีการทำงาน ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและส่งมอบการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพสูง ทำให้เกษตรกรฟื้นตัวได้เร็ว ไม่ใช่การผลักภาระของเกษตรกรออกไปเรื่อยๆ ผ่านมาตรการบริหารจัดการหนี้ หรือการให้สินเชื่อที่ดอกเบี้ยสูงเมื่อเทียบกับตลาด ซึ่งจะกลายเป็นภาระของเกษตรกรมากกว่าการช่วยเหลือให้ฟื้นได้อย่างแท้จริง 

และจากภายนอกองค์กรที่โลกการเกษตรได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ผู้บริโภคต้องการของคุณภาพสูง และ Easy to Consume : Finished Goods การตลาดที่ใช้เทคโนโลยี ไม่ใช่การตั้งแผงขายแบบเดิม อีกทั้ง ทุนใหญ่ที่กำหนดกลไกทางการตลาดไว้หมด การผลิตที่มุ่งเข้าสู่ Modern Trade มีค่า GP ที่สูงมาก การส่งเสริมให้ผลิตปริมาณมากๆ ราคาต่ำ จนเกษตรกรกลายเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสร้าง Ecosystem อย่างแท้จริง 

“ธ.ก.ส. ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับธนาคารและลูกค้า ผ่านการเสวนาฉากทัศน์ของ ธ.ก.ส. ในอนาคตร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคารทุกกลุ่ม ได้ร่วมรับฟังแนวคิดจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมกันจุดประกายความคิดในการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน” 

ขณะเดียวกัน ในปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส. เริ่มได้รับรางวัลซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล 

  • รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) 
  • รางวัล Leadership Excellence Award รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) 
  • รางวัล Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) ประเภทรางวัล Corporate Governance และ Social Empowerment สะท้อนถึงการดำเนินงานที่มีความโปร่งใสและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 
  • รางวัล Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) ประเภทรางวัล Corporate Excellence Award ซึ่งมอบให้แก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการองค์กร และมีบทบาทในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“รางวัลเหล่านี้คือสัญญาณที่สะท้อนว่า ธ.ก.ส. มิได้หยุดอยู่กับที่ แต่พร้อมพัฒนาและยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง”

สำหรับประเทศไทย ยังคงมั่นใจได้ว่า “ธ.ก.ส. จะเป็นธนาคารที่อยู่เคียงข้างเกษตรกรไทย ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ในทุกก้าวย่างของอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับภาคเกษตรไทยตลอด”