นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยในการเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของอินเดียว่าการขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมของอินเดียถือเป็นโอกาสของไทยที่จะส่งสินค้าขั้นกลางที่จำเป็นเข้าไปต่อยอดการผลิตในอินเดียเพื่อการเติบโตไปด้วยกันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เร่งขับเคลื่อนการส่งออกเพื่อชดเชยความเสี่ยงจากตลาดเดิมที่ชะลอตัวจากบริบทการค้าโลกในปัจจุบันรวมถึงเป็นการจัดการสินค้าในภาคเกษตรด้วย
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นกลไกหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการส่งเสริมการค้ากับอินเดียคือ การประสานความร่วมมือระหว่างสมาคม (Association to Association: A2A) โดยเฉพาะในสินค้าขั้นกลางที่อินเดียจำเป็นต้องนำเข้าจากไทยไปใช้ในอุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำในอินเดียโดยทูตพาณิชย์จากกรุงนิวเดลี ได้นำผู้บริหารของสมาคมอุตสาหกรรมยางแห่งอินเดียตอนเหนือ (All India Rubber Industries Association: AIRIA, Northern Region) มาพบปะกับหน่วยงานและสมาคมของไทยที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมต้นน้ำ-กลางน้ำ ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย และ สมาคมเทคโนโลยียางและอีลาสโตเมอร์แห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทยที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมสนับสนุน (Supporting Industries)
โดยการสื่อสารที่ใกล้ชิดระหว่างสมาคมในห่วงโซ่อุปทานไทย-อินเดียนี้จะเป็นกลไกในการสร้างเครือข่ายระหว่างภาคธุรกิจหว่างไทย-อินเดีย โดยในโอกาสนี้ ฝ่ายอินเดียได้เสนอที่จะสนับสนุนผู้ส่งออกสินค้ายางและแม่พิมพ์จากไทยให้เดินทางไปแสดงสินค้าในงาน India Rubber Expo ในเดือนเมษายน 2569 รวมทั้งสนใจที่จะประสานให้มีการร่วมลงทุนระหว่างกันด้วย
นอกจากนี้ ยังได้ประสานให้มีการพบปะระหว่างผู้นำเข้าอินเดียกับสมาชิกของสมาคมในอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย และสมาคมผู้ค้าอะไหล่วรจักร รวมถึงชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ซึ่งเป็นกลไกการค้าที่เชื่อมโยงเกษตรกรรายย่อยในภูมิภาคไปสู่ตลาดในวงกว้างด้วย
สำหรับอินเดียเป็นทั้งคู่แข่งและคู่ค้าสำคัญของไทย โดยในปี 2567 การส่งออกจากไทยไปยังอินเดียขยายตัว 18.47% จากปีก่อนหน้า โดยกรมมีแผนในการผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดอินเดียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเดือนกันยายน 2568 จะจัดโครงการคณะผู้แทนการค้าเดินทางเยือนอินเดีย ภายใต้โครงการบุกตลาดศักยภาพใหม่รับมือนโยบายการค้าโลก (Special Task Force) โดยนำคณะผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมเจรจาการค้าในงานแสดงสินค้าของอินเดีย และพบปะเจรจาธุรกิจในกลุ่มสินค้าต่างๆ อาทิ อาหาร เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านคาดว่าจะมีโอกาสพบปะผู้นำเข้ารายใหม่พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและสร้างมูลค่าการซื้อขายแก่ผู้ประกอบการไทยได้อย่างมั่นคง