ศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ยื้อ 1 เดือน ฉุด GDP สองชาติ 6 หมื่นล้าน วัดใจเจรจาหยุดยิงวันนี้

28 ก.ค. 2568 | 06:07 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ค. 2568 | 06:16 น.

ศึกชายแดนยืดเยื้อกระทบไทยสูญ 45,225 ล้าน กระเทือนส่งออก-จ้างงาน ขณะกัมพูชาว่างงานพุ่งกว่า 1.8 แสนคน สูญรายได้ 15,337 ล้าน ทุบจีดีพีทรุด 1.1% รวมผลกระทบสองชาติกว่า 6 หมื่นล้าน จับตาผลเจรจาหยุดยิงวันนี้ หากยื้อต่อลามกระทบเสียหายอีกหลายเท่าตัว

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” โดยประเมินฉากทัศน์ทางเศรษฐกิจว่า หากการปะทะไทย-กัมพูชา ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 เดือน จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ  โดยเฉพาะภาคการส่งออก การค้า การจ้างงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนไทยของทั้งสองฝ่ายคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 6 หมื่นล้านบาท

โดยประเมินว่า การส่งออกบริเวณแนวชายแดนจะได้รับผลกระทบคิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,567 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนจะได้รับผลกระทบอีกราว 24,657 ล้านบาท นำไปสู่การสูญเสียการจ้างงานถึง 7,980 คน รวมมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 45,225 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.25% ของจีดีพีไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน

ในฝั่งกัมพูชา ผลกระทบทางเศรษฐกิจยิ่งน่าวิตก โดยเฉพาะในกรณีที่ไทยระงับการส่งออกสินค้าเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน และนักท่องเที่ยวไทยยุติการเดินทาง รวมถึงการชะลอการลงทุน ผลที่ตามมาคือจะมีแรงงานตกงานรวม 185,752 คน และมูลค่ารายได้ที่สูญเสียจะอยู่ที่ 15,337 ล้านบาท คิดเป็น 1.1% ของจีดีพีกัมพูชา

ผลกระทบหลัก ๆ แบ่งออกได้เป็น

  • แรงงานกัมพูชาว่างงานจากการขาดสินค้าไทย  86,301 คน
  • รายได้แรงงานที่หายไป  8,284 ล้านบาท
  • ว่างงานจากการท่องเที่ยวหดตัว 94,520 คน รายได้ท่องเที่ยวหายไป 6,148 ล้านบาท
  • ว่างงานจากการลงทุนลดลง  4,931 คน การลงทุนหายไป 905 ล้านบาท

“หากสถานการณ์ความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อต่อไปอีก 2-3 เดือน ผลกระทบทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว ซึ่งจะกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะกลาง”

ดังนั้น ความหวังจึงพุ่งไปยังการเจรจาหยุดยิง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้ (28 กรกฎาคม 2568) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หากสามารถได้ข้อยุติในระดับเบื้องต้น จะเป็นสัญญาณบวกของการลดระดับความขัดแย้ง และนำไปสู่การวางกรอบเจรจาในประเด็นที่ซับซ้อนอย่างเช่น การปักปันเขตแดน การคงหรือถอนกำลังพล และการยอมรับในระดับระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี หากการเจรจาครั้งนี้ล้มเหลว ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่จะลุกลามไปถึงเสถียรภาพในภูมิภาค อาเซียน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอนาคต