เปิดตัวเลขค้าไทย-สหรัฐครึ่งทางปี 68 เกินดุล 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุ้น"ทรัมป์" เคาะภาษีชี้อนาคต

24 ก.ค. 2568 | 21:55 น.

ตัวเลขการค้าไทย-สหรัฐครึ่งปีแรก 2568 ไทยยังเกินดุล 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางแรงกดดันภาษีตอบโต้ชุดใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะบังคับใช้ 1 ส.ค. จับตาข้อเสนอเจรจารอบใหม่จะเป็นตัวแปรสำคัญ ชี้ชะตาอนาคตการค้าไทยในตลาดส่งออกอันดับหนึ่ง

กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงตัวเลขการค้าไทยในเดือนมิถุนายน 2568 ล่าสุด การส่งออก มีมูลค่า 28,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.5% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 27,588.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.1% ดุลการค้าเกินดุล 1,061.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาพรวมการส่งออกครึ่งแรกของปี 2568 การส่งออกไทยไปทุกตลาด มีมูลค่า 166,851.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 166,914.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 11.6% ดุลการค้าขาดดุล 62.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับแนวโน้มการส่งออกครึ่งหลังของปี 2568 สนค. ระบุว่า การดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลต่อการค้าไทยและโลกอย่างมีนัยสำคัญ ผลของการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีต่างตอบแทนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อทิศทางการค้าระหว่างประเทศในอนาคตของไทย

เปิดตัวเลขค้าไทย-สหรัฐครึ่งทางปี 68  เกินดุล 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุ้น"ทรัมป์" เคาะภาษีชี้อนาคต

โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่ที่เปิดตลาดมากขึ้นให้กับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ซึ่งได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี คาดว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีที่เหมาะสม และยังสามารถแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นในภูมิภาคได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากรของ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงภาวะการค้าไทย-สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย พบว่าในช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 มีมูลค่ารวม 43,997 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยไทยส่งออก 33,412 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30% นำเข้า 10,585 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11% ไทยยังเกินดุลการค้าสหรัฐในช่วง 6 เดือนแรก 22,827 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับสินค้าส่งออก 10 อันดับแรกของไทยไปสหรัฐ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่งออกมูลค่า 8,562 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น +81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, ผลิตภัณฑ์ยาง 2,387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +13%, เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2,282 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +7%, หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ 1,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +29%, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล 1,192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +31%

อัญมณีและเครื่องประดับ 1,169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +20%, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 1,140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +55%, เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ 1,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +28%, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 914 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +6%, อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด 794 ล้านดอลลาร์สหรัฐ -49%

ส่วน สินค้านำเข้าจากสหรัฐของไทย 10 อันดับแรก ได้แก่ น้ำมันดิบ มูลค่า 2,493 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +37%, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 996 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +0.6%, เคมีภัณฑ์ 609 ล้านดอลลาร์สหรัฐ -6%, ก๊าซธรรมชาติ 568 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +2%, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 496 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +6%

แผงวงจรไฟฟ้า 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ -13%, พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช 436 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +30%, เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ 393 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +10%, ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ 389 ล้านดอลลาร์สหรัฐ +2%, เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ 379 ล้านดอลลาร์สหรัฐ -8%

ทั้งนี้คงต้องจับตาใกล้ชิดผลการเจรจาไทย-สหรัฐว่า ข้อเสนอที่ไทยยื่นเข้าไปใหม่จะโดนใจหรือสร้างความพอใจให้กับสหรัฐมากน้อยเพียงใด และสุดท้ายแล้วอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นี้เป็นต้นไป จะได้ปรับลดลงจากที่ประกาศไว้เดิมที่อัตรา 36% หรือไม่ โดยอัตราภาษีที่ไทยจะได้รับจะเป็นตัวตัดสินอนาคตสินค้าไทยในตลาดสหรัฐในช่วงนับจากนี้ไปว่า จะยังคงรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันไว้ได้หรือไม่