วันนี้ (9 กรกฎาคม 2568) นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า กรณีที่สหรัฐมีการระบุการเก็บอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของไทยที่ 36% ถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจะทำให้ต้นทุนส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นจนไม่สามารถแข่งขันได้ และจะกระทบต่อมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกาซึ่งสูงถึง 2 ล้านล้านบาท
โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยจะเสียเปรียบคู่แข่งมากที่สุด ประกอบด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหารสำเร็จรูป ข้าว ยางพาราและผลิตภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น เป็นต้น ซึ่งหลายอุตสาหกรรมมีการใช้แรงงานเข้มข้นที่อาจนำไปสู่การเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก
ทั้งนี้จะส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อราคาผลผลิตภายในประเทศและกระทบต่อรายได้เกษตรกรและครัวเรือนไทยจำนวนมากในที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสที่ปัญหาจะขยายวงกว้างออกไป ทั้งภาคการผลิตเพื่อส่งออก รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศจะลดลงอย่างมากในช่วงหลายปีต่อจากนี้ ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศเกิดภาวะชะงักงัน และไม่สามารถแข่งขันทางการค้ากับคู่แข่งสำคัญได้อีกในระยะยาว
" หากประเทศไม่สามารถปิดดีลได้ และโดนสหรัฐเก็บภาษีนำเข้า 36% ผู้ประกอบการหรือนักลงทุน จะมีการเทคออเดอร์ไปที่ประเทศอื่นๆ ที่มีความสามารถในการผลิต ซึ่งไทยจะกระทบทันที และจะส่งกระทบต่อมาการจ้างงาน ซึ่งอาจจะต้องมีการทบทวนว่าแรงงานที่มีอยู่ปัจจุบันจากยอดออเดอร์ที่หดตัวลง"
ขณะเดียวกัน นักลงทุนที่รับบัตรส่งเสริมการลงทุนหรือมีความตั้งใจจะมาลงทุนในประเทศไทยเห็นว่าประเทศไทยแข่งขันไม่ได้
เนื่องจากว่าเรทอัตราสูงกว่าผู้แข่งขันประเทศคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนต้องทบทวนหมด คือมันเป็นเชิงการค้าในเชิงธุรกิจจริงจริงว่า ถ้าเขาได้กระทบ เดือดร้อนถึงระดับ 16% ระหว่างไทยกับเวียดนามเมื่อเทียบกัน
นายธนากร กล่าวย้ำว่า ไทยต้องปิดดีลให้ได้ในรอบที่ 2 เพราะว่าค่อนข้างจะเป็นระยะเวลาใกล้กับช่วงเดตไลน์ คือ วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ซึ่งในจดหมายที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งมามีการระบุชัดเจนว่าเขาจะไม่มีการขยับวันที่ ฉะนั้นจําเป็นอย่างยิ่งที่ทางทีมเจรจาของฝ่ายรัฐบาลไทยต้องเร่งปิดดีลให้จบ
"ความเดือดร้อนจะเกิดขึ้นเป็นโดมิโน่ ขอให้ทีมเจรจาช่วยพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วก็ทําให้เรื่องนี้จบให้ได้ เรายอมรับว่าเวียดนามเป็นโมเดลที่เห็นชัดว่าได้เรทนี้จบไปเรียบร้อยแล้วที่ 20% เพราะฉะนั้น เราคิดว่าเรทที่เหมาะสมและประเทศไทยสมควรจะได้รับก็คือ 20% เช่นเดียวกัน เราจึงสามารถแข่งขันไปด้วยกันได้"
อย่างไรก็ตามทาง สรท. ได้มีการยื่นข้อเสนอไปยังรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินการ 3 ข้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ข้อเสนอสำหรับการเจรจาลดอัตราภาษีกับสหรัฐอเมริกา
2. ข้อเสนอสำหรับการหาตลาดศักยภาพอื่นทดแทน
3. ข้อเสนออื่นเพิ่มเติม ทั้งเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก และเพื่อปกป้องผู้ประกอบการในประเทศจากการนำเข้าสินค้าแหล่งอื่น
3.1 ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พิจารณาเงื่อนไขการปรับลดต้นทุนให้ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
3.2 เพิ่มความเข้มงวดมาตรการปรามการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เข้ามาตีตลาดในประเทศ และสินค้าสวมสิทธิ์