นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการใช้สิทธิ FTA ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ปี 2568 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ภายใต้ความตกลง FTA รวม 22,001.26 ล้านดอลลาร์ หรือ 713,492 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 79.75% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 19.04%
โดยเป็นการส่งออกไปยังอาเซียนภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 7,895.76 ล้านดอลลาร์ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 67.07%
ภาพรวมสินค้า 5 อันดับแรกที่มีการใช้สิทธิ FTA ส่งออกมากที่สุด ได้แก่
นางอารดาฯ กล่าวว่า จาก FTA ทั้งหมด 12 ฉบับที่กรมการค้าต่างประเทศติดตามการใช้สิทธิฯ ในปัจจุบัน มี FTA ที่มีอัตราการใช้สิทธิฯ เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 รวม 6 ฉบับ ได้แก่
จากการใช้สิทธิ FTA ที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด เป็นผลมาจากภาพรวมการส่งออกของไทยเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2567 จาก 70,753.67 ล้านดอลลาร์ เป็น 81,532.34 ล้านดอลลาร์ ในปี 2568 โดยสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ FTA สูง 5 อันดับแรก ได้แก่
มูลค่ารวม 4,775.55 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 21.71% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯ ทั้งหมด
สินค้าอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่
มูลค่ารวม 17,225.71 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 78.29% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯ ทั้งหมด
นางอารดาฯ ยังกล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการค้าและขยายโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย มุ่งเน้นการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการภายใต้โครงการส่งเสริม SMEs ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล ภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมการอภิปรายเรื่อง “เทคนิคการต่อยอดธุรกิจด้วย FTA” และการบรรยาย เรื่อง “การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA”
กระทรวงพาณิชย์เน้นย้ำว่าการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างแต้มต่อในการส่งออก ช่วยลดภาษีนำเข้า ลดต้นทุนทางการค้า ทำให้สินค้าส่งออกจากไทยน่าดึงดูดเมื่อเทียบกับสินค้าจากประเทศอื่นที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จาก FTA
ทั้งนี้ ภาครัฐได้เจรจาจัดทำ FTA ฉบับใหม่กับประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นไทย-ศรีลังกา ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป หรือ เอฟต้า ไทย-ภูฏาน โดยการใช้สิทธิฯ ผ่าน FTA ทั้งหมดนี้ จะช่วยขยายตลาดการส่งออกใหม่ๆ และลดการพึ่งพาตลาดเดียวในการส่งออก