รร.นานาชาติบูม! สร้างรายได้ 8,000 ล้าน อังกฤษ-จีน-สิงคโปร์ แห่ลงทุน

30 พ.ค. 2568 | 23:25 น.

กรมพัฒน์ฯ เผยธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยโตแรง รายได้ปี 2567 พุ่ง 8,313 ล้านบาท กำไรโต 14% ต่างชาติแห่ลงทุน อังกฤษ-จีน-สิงคโปร์ นำโด่ง ชี้โอกาสขยายตัวเมืองท่องเที่ยว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนพฤษภาคมของทุกปีถือเป็นช่วงเวลาเปิดภาคเรียนใหญ่ของนักเรียนในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบัน ผู้ปกครองมีความพิถีพิถันในการเลือกโรงเรียนให้กับบุตรหลานมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่และมีรายได้สูงได้หันมาเลือกโรงเรียนนานาชาติภายในประเทศเป็นทางเลือกหลัก

 

รร.นานาชาติบูม! สร้างรายได้ 8,000 ล้าน อังกฤษ-จีน-สิงคโปร์ แห่ลงทุน

 

เนื่องจากโรงเรียนนานาชาติในไทยมีมาตรฐานการศึกษาที่สอดคล้องกับระดับสากลในค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและยังสามารถดูแลบุตรหลานได้ใกล้ชิด สร้างความอบอุ่นได้เหมือนเดิม

ทั้งนี้ทางกรมฯได้วิเคราะห์ธุรกิจที่น่าสนใจประจำเดือนเมษายน 2568 พบว่า ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ปกครองที่ต้องการมอบการศึกษาคุณภาพสูงให้กับบุตรหลานประเทศไทย

จากข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 มีนิติบุคคลที่จดทะเบียนในธุรกิจหมวดการศึกษามีจำนวน 7,511 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 50,633 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น

  • จดทะเบียนรูปแบบบริษัทจำกัด 6,717 ราย (89.43%) ทุนจดทะเบียน 48,172 ล้านบาท 
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 790 ราย (10.52%) ทุนจดทะเบียน 1,117 ล้านบาท 
  • บริษัทมหาชนจำกัด 4 ราย (0.05%) ทุนจดทะเบียน 1,345 ล้านบาท 

 

รร.นานาชาติบูม! สร้างรายได้ 8,000 ล้าน อังกฤษ-จีน-สิงคโปร์ แห่ลงทุน

ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติมีมูลค่ารวม 5,733 ล้านบาท โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนใน 3 อันดับแรกคือ อังกฤษ 30% ทุนจดทะเบียน 1,706 ล้านบาท จีน 11% ทุนจดทะเบียน 636 ล้านบาท และ สิงคโปร์ 7% ทุนจดทะเบียน 428 ล้านบาท

นอกจากนี้กรมฯ ได้วิเคราะห์เชิงลึกจากข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างนิติบุคคลโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยจำนวน 20 ราย พบว่า 5 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2563-2567 แม้จะมีช่วงที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้นักเรียนต่างชาติต้องเดินทางกลับประเทศหรือต้องเรียนออนไลน์ทำให้รายได้ชะลอตัวลง แต่สถานการณ์คลี่คลายธุรกิจก็สามารถสร้างรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะปี 2565 สร้างรายได้ 5,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.57% สร้างกำไร 681 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 55.75% ปี 2566 รายได้ก้าวกระโดดเป็น 7,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 28.04% สร้างกำไร 1,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 136.28% และปี 2567 รายได้โตต่อเนื่องเป็น 8,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 13.45% สร้างกำไร 1,835 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14.08% 

 

  รร.นานาชาติบูม! สร้างรายได้ 8,000 ล้าน อังกฤษ-จีน-สิงคโปร์ แห่ลงทุน

 

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติกลายเป็นตัวเลือกสำคัญของผู้ปกครองยุคใหม่ที่มีกำลังทรัพย์ภายใต้ความคาดหวังที่ต้องการให้บุตรหลานเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง ทั้งด้านการเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมที่หลากหลาย และทักษะที่จำเป็นต่ออนาคต ส่งผลให้ธุรกิจนี้สามารถสร้างกำไรอย่างมหาศาลคือ 

  • การให้ความสำคัญกับคุณภาพของครูต่อการดูแลนักเรียนที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 8:1 คน ซึ่งทำให้สามารถสอนและติดตามการเรียนของนักเรียนได้อย่างใกล้ชิด 
  • มาตรฐานระบบการศึกษา โดยส่วนใหญ่โรงเรียนนานาชาติที่เข้ามาเปิดในประเทศไทยจะเป็นเครือข่ายจากต่างประเทศที่มีระบบการเรียนการสอนแบบสากล 
  • การขยายตัวของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือทำธุรกิจในประเทศไทย และมีครอบครัวติดตามมาด้วยจึงนิยมเลือกโรงเรียนนานาชาติเป็นที่เรียนให้กับบุตรหลาน

สำหรับโอกาสในธุรกิจนี้ยังสามารถขยายต่อไปได้อีกมาก ทั้งการขยายธุรกิจไปสู่พื้นที่จังหวัดที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่จำนวนมากอย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา หรือการพัฒนาหลักสูตรการสอนที่สอดคล้องกับโลกในอนาคต อาทิ STEM Coding และ AI