นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนเมษายน 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 6,325 ราย ลดลง 205 ราย หรือ 3.14% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 จำนวน 6,530 ราย และทุนจดทะเบียนรวม 32,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.86% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 มูลค่า 27,272 ล้านบาบ
ด้านธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 502 ราย ทุนจดทะเบียน 988 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 439 ราย ทุนจดทะเบียน 1,569 ล้านบาท ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 264 ราย ทุนจดทะเบียน 469 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 2568 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 ราย มูลค่าทุน จดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 16,520 ล้านบาท ได้แก่ 1. บมจ.กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าทุนจดทะเบียน 14,940 ล้านบาท ประกอบกิจการเข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วน หรือเป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลใดๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศเพื่อประโยชน์ของบริษัท
2. บจ.อิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าทุนจดทะเบียน 1,580 ล้านบาท ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์จารบี และสินค้าอื่นๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานคล้ายคลึงกัน
สำหรับการจัดตั้งใหม่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-เมษายน 2568) มีจำนวน 30,148 ราย ลดลง 1,385 ราย หรือ -4.39% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 31,533 ราย ทุนจดทะเบียน 112,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,849 ล้านบาท หรือ 17.70 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 มูลค่า 95,212 ล้านบาท
ด้านธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
อย่างไรก็ตามเมื่อวิเคราะห์การจัดตั้งธุรกิจ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) ที่ลดลง 4.39% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จะพบว่าธุรกิจที่มีการจัดตั้งลดลง เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ธุรกิจขายปลีกสินค้าในร้านทั่วไป และธุรกิจตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งเกิดจากความผันผวน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของไทย ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ธุรกิจบางประเภทยังคงมีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เช่น ธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไป ธุรกิจขายส่งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจขายยานยนต์เก่า เป็นต้น เนื่องจากกิจกรรมและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล เทรนด์เรื่องสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่
นอกจากนี้การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนเมษายน 2568 มีจำนวน 814 ราย เพิ่มขึ้น 4 ราย หรือ 0.49% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 จำนวน 810 ราย และมีทุนจดทะเบียนเลิก 4,131 ล้านบาท ลดลง 965 ล้านบาท หรือ -18.94% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 มีทุนจดทะเบียนเลิก 5,097 ล้านบาท
ขณะเดียวกันการจดทะเบียนเลิก 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-เมษายน 2568) มีจำนวน 3,921 ราย เพิ่มขึ้น 302 ราย หรือ 8.34% เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 3,619 ราย ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 15,990 ล้านบาท ลดลง 1,050 ล้านบาท หรือ -6.16% เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2567 ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 17,040 ล้านบาท
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,994,979 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.61 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 947,791 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.34 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็น
สำหรับนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจบริการเป็นประเภทธุรกิจที่มีสัดส่วนการจดทะเบียนมากที่สุดมีจำนวน 512,359 ราย ทุนจดทะเบียน 12.85 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก 310,856 ราย ทุน 2.57 ล้านล้านบาท และธุรกิจผลิต 124,576 ราย ทุน 6.92 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.06%, 32.80% และ 13.14% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ตามลำดับ