นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ (สคต.) กว่า 54 แห่งทั่วโลก และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมกว่า 200 ราย
ทั้งนี้การประชุมหารือครั้งนี้มีตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วมหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการส่งออกไทยในปี 2568 นี้ อีกทั้งร่วมกันหาแนวทางในการผลักดันการส่งออก ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ผมยังมองว่าการส่งออกของไทยยังมีทิศทางที่ดี โอกาสการส่งออกน่าจะขยายตัวมากกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 2-3% ในปีนี้
“การส่งออกไทยยังเชื่อว่าเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ตอนนี้ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจะเจอปัญหาอยู่ แต่สิ่งที่ต้องการให้ทูตพาณิชย์ ผู้ส่งออก ต้องกระจายการส่งออกไปในหลายประเทศ ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐ เพื่อลดปัจจัยกดดันจากปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งนี้ยังเชื่อว่าการเจรจาด้านภาษีกับสหรัฐจะเป็นไปในทิศทางที่ดี อย่างน้อยภาษีนำเข้าคาดหวังว่าต้องอยู่ที่ 10% หรืออย่างมากต้องดีกว่าหลายประเทศให้ได้”
ขณะเดียวกันในการประชุม ทูตพาณิชย์จากทั่วโลกได้นำเสนอแผนกลยุทธ์เจาะตลาดสำคัญ 5 กลุ่ม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ตะวันออกกลาง อาเซียน และจีน โดยเฉพาะการใช้ Soft Power สร้างกระแสนิยมสินค้าไทยในตลาดระดับบน การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และการบูรณาการระหว่างพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ
นายพิชัย ได้มอบนโยบาย 10 ประเด็นสำคัญ ให้แก่ทีมงานกระทรวงพาณิชย์ เพื่อ “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” โดยมีเป้าหมายหลักในการขยายตลาดส่งออก สร้างความเชื่อมั่น และเสริมบทบาทของไทยในเวทีการค้าโลก ได้แก่
1.ทิศทางของเศรษฐกิจไทยกำลังไปได้ดี โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ขยายตัว 10.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และ 7 เดือนของรัฐบาลท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร การส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่องขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 12.5%
2.เดินหน้าเจรจามาตรการภาษีของสหรัฐฯ บนพื้นฐานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน
3.เร่งรัดการเจรจาและลงนาม FTA ใหม่ ทั้งกับกลุ่มประเทศ EFTA ภูฏาน EU สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ และอาเซียน-แคนาดา ซึ่งตนมีนัดพบกับนายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เพื่อผลักดันให้การเจรจา FTA กับ EU สำเร็จเร็วที่สุด โดยตั้งเป้าปิดดีลภายในปีนี้
4.ขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ทั้งด้านตลาด ความเชื่อมั่น การแปรรูป และการอำนวยความสะดวก
5.เปิดตลาดใหม่ให้สินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าวและมันสำปะหลัง
6.แก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรในพื้นที่อย่างทันท่วงที โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ
7.ประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์อาหารไทยในตลาดโลก
8.ส่งเสริมการบูรณาการทำงานไร้รอยต่อระหว่างพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์
9.สื่อสารผลงานของกระทรวงพาณิชย์เชิงรุก สร้างความเข้าใจในบทบาทและภารกิจของกระทรวง
10. เน้นทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ในทุกมิติของการค้าและการส่งออก
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ก็เดินหน้าผลักดันการส่งออกสินค้าไปหลายประเทศ อย่างที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศก็ผลักดันส่งออกส่งออกมันสำปะหลังไปตลาดซาอุดีอาระเบียได้ ตลาดส่งออกข้าว อิรัก แอฟริกา ก็สนใจที่จะนำเข้าข้าวไทย และนอกจากนี้ผมเองก็เดินหน้าผลักดันการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไม่ว่าจะเป็น FTA ไทย-อียู FTA ไทย-เกาหลีใต้ FTA อาเซียน-แคนาดา FTA ไทย-UAE ซึ่งเป้าหมายต้องการเร่งผลักดันให้เกิดข้อสรุป และมีผลบังคับใช้ให้เร็วที่สุด
โดยเชื่อว่าหากเดินหน้าสรุปข้อตกลงได้ ก็จะทำให้การส่งออกของไทยมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้น เพราะข้อตกลง FTA ล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การส่งออกของไทยมีโอกาสเติบโตไปได้ และมีโอกาสที่จะโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการเดินหน้านโยบายของกระทรวงพาณิชย์นั้นเดินมาถูกทางแล้ว ทั้งการวางแนวทางการทำงานทั้งระยะสั้น กลาง ยาว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาระยะสั้น อย่างปัญหาทรัมป์ 2.0 โดยทุกฝ่ายต่างร่วมมือกันผลักดันเพื่อให้การส่งออกของไทยเติบโตไปได้
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การกระจายความเสี่ยงในการผลักดันส่งออกสินค้าไทยไปตลาดอื่นเพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย ยุโรป ซาอุดีอาระเบีย เป็นช่องทางที่ดี และตลาดดังกล่าวก็มีความต้องการสินค้าไทย เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้การส่งออกของไทยลดแรงกดดันจากการแข่งขันที่เกิดขึ้น
และการหารือกับทูตพาณิชย์ครั้งนี้ ก็เพื่อให้เห็นแนวทางที่ชัดเจนในการร่วมมือกันที่จะทำงานเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่ากำลังเผชิญภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ความร่วมมือทุกฝ่ายเพื่อร่วมหาทางออกร่วมกันเป็นเรื่องที่ดี ดูจากตัวเลขการส่งออกของไทยล่าสุดรับว่าสดใสมาก เชื่อว่าส่งออกไทยยังมีโอกาสเติบโต
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก กล่าวว่า ทางสภาผู้ส่งออกต้องการรับแรงสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการผลักดัน เทรดดิ่งเนชั่น เพราะเห็นว่าจะเป็นแนวทางสำคัญที่จะสร้างโอกาสให้ส่งออกไทยเติบโต
ทั้งนี้ยังมั่นใจว่าการส่งออกไทยปีนี้มีโอกาสโตไม่ต่ำกว่า 3% จากนี้การส่งออกยังขยายตัวไปได้ และนอกจากนี้จะพบว่าไทยส่งออกไปสหรัฐสัดส่วนอยู่ที่ 18.2% ซึ่งลดลงจากในอดียเป็นอย่างมากอยู่ที่ 40-50% ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ที่ไทยจำเป็นจะต้องลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป