กระทรวงเกษตร-อ.ต.ก. สร้างโอกาส เพิ่มช่องทางขายผลไม้ภาคตะวันออก

26 พ.ค. 2568 | 05:26 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ค. 2568 | 05:26 น.

กระทรวงเกษตรฯเดินหน้าร่วมมืออ.ต.ก. รุกสร้างโอกาส เพิ่มช่องทางขายผลไม้ภาคตะวันออก มุ่งกระจา่ยผลผลิตโดยตรงสู่ผู้บริโภค

นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับการเข้าถึงผู้บริโภคของเกษตรกร หลังจากที่สถานการณ์การผลิตผลไม้ 4 ชนิด ได้แก่ ลำไย มะม่วง ทุเรียน และมังคุด ในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปี 2568 ที่มีจำนวน 3.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 2.78 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 22% 

ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและต้นไม้มีความสมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ จะเป็นช่วงที่ผลผลิตทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ออกสู่ตลาดมากที่สุด

ทั้งนี้ ล่าสุดได้ดำเนินการร่วมกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เปิดโอกาสให้เกษตรกรได้นำผลไม้ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากภาคตะวันออกมานำเสนอผู้บริโภคได้เลือกซื้อโดยตรงผ่านงานมหานครผลไม้ไทยภาคตะวันออกซึ่งจะมีถึง 31 พ.ค. 68 และเตรียมขยายงานแสดงสินค้าสู่ภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป  

นายบุญสิงห์ กล่าวอีกว่า กระทรวงเกษตรฯมุ่งสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกรไทยผลิตผลไม้คุณภาพได้มาตรฐาน สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยมีนโยบายที่มุ่งเน้นการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร เพิ่มช่องทางการตลาด และส่งเสริมช่องทาง E-commerce ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้ภาคตะวันออกซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลออกผลผลิตจำนวนมาก ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสถาบันเกษตรกร มีคุณภาพชีวิตที่ดีและรายได้ที่มั่นคง

นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการ อ.ต.ก. กล่าวว่า อ.ต.ก. มุ่งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกรโดย รวมถึงลดปัญหาการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง และสร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าสินค้าเกษตร 

สำหรับการดำเนินงานของ อ.ต.ก. นั้น จะครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่ตลาด การอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรและผู้ซื้อ การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ผลผลิตของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง

“ความร่วมมือดังกล่าวตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาล โดยการนำผลผลิตคุณภาพจากเกษตรกรโดยตรงมาจำหน่ายสู่ผู้บริโภคในวงกว้าง ผ่านกิจกรรมต่างๆ และช่องทาง E-Commerce ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผลไม้กระจุกตัว ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลไม้สดใหม่ คุณภาพดี ในราคาที่เป็นธรรม”