ทำใจ! ผลไม้ สินค้าเกษตร ราคาวูบ ฝนถล่มหนักกระทบคุณภาพส่งออก

21 พ.ค. 2568 | 23:06 น.

ราคาสินค้าเกษตร-ผลไม้ไทย เม.ย.–พ.ค.2568 ผันผวนรับฤดูฝน ทุเรียน–มังคุด ราคาร่วง เหตุผลผลิตล้นตลาด ฝนถล่ม ต้นทุนพุ่ง กดดันเกษตรกร ลุ้นสัญญาณบวกส่งออกครึ่งปีหลัง

สถานการณ์ผลผลิตทางการเกษตรของประเทศไทย ในปัจจุบัน ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากราคาที่มีความผันผวนตามฤดูกาล และผลกระทบจากสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูแล้งเข้าสู่ฤดูฝนผลผลิตทางการเกษตรบางชนิดมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาตกต่ำในบางช่วง ซ้ำร้ายยังต้องเจอกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จากราคาปุ๋ยเคมี วัตถุดิบ และค่าขนส่ง กลายเป็นภาระหนักต่อเกษตรกร

"ฐานศรษฐกิจ” ได้ตรวจสอบราคาสินค้าเกษตรและผลไม้ โดยในช่วงเดือนเมษายน–พฤษภาคม 2568 พบว่าภาพรวมราคาสินค้าเกษตรไทยยังคงผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่ม “ผลไม้ฤดูร้อน” ที่ได้รับผลกระทบจากผลผลิตล้นตลาดและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ราคาลดฮวบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 แม้ว่าสินค้าเกษตรพื้นฐานบางรายการยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตราม

เทียบราคาสินค้าเกษตรและผลไม้

ราคาผลไม้ 

  • ทุเรียนหมอนทอง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 142 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 185 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 43 บาทต่อกิโลกรัม
  • ทุเรียนชะนี ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 106 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 125 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 19 บาทต่อกิโลกรัม
  • เงาะโรงเรียน ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 46 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 80 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 34 บาทต่อกิโลกรัม
  • มังคุดผิวมัน ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 41 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 60 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 19 บาทต่อกิโลกรัม
  • มังคุดผิวคละ ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 41 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 60 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 19 บาทต่อกิโลกรัม
  • ลำไย ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 44 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 47 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 3 บาทต่อกิโลกรัม

ราคาพืชเกษตร

  • ข้าวหอมมะลิ ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 3,515 บาทต่อ 100 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 3,273 บาทต่อ 100 กิโลกรัม ราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 242 บาทต่อ 100 กิโลกรัม
  • ข้าวสารเหนียว กข.6 ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 2,455 บาทต่อ 100 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 2,590 บาทต่อ 100 กิโลกรัม ราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 135 บาทต่อ 100 กิโลกรัม
  • หอมหัวใหญ่ ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 22 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 22 บาทต่อกิโลกรัม
  • กระเทียมแห้ง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 103 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 120 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 17 บาทต่อกิโลกรัม
  • หอมแดง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 52 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 42 บาทต่อกิโลกรัม ราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10 บาทต่อกิโลกรัม
  • น้ำปาล์มดิบ เกรด A ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2568 ราคาเฉลี่ย 33 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 ราคาเฉลี่ย 34 บาทต่อกิโลกรัม ราคาลดลงเฉลี่ย 1 บาทต่อกิโลกรัม

 

ภาพประกอบข่าว ราคาสินค้าเกษตร-ผลไม้ไทย 2568

 

นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ราคาทุเรียนเกรดส่งออกปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 105–115 บาทต่อกิโลกรัม แม้ยังถือว่าเป็นราคาที่เกษตรกรสามารถมีกำไรได้เมื่อเทียบกับต้นทุนที่เฉลี่ยอยู่ราว 30 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากสภาพอากาศยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวที่เหลืออยู่กว่า 50% ก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพและราคาตลาดมากยิ่งขึ้น

“ตอนนี้ราคาทุเรียนก็ลงไปเยอะ เพราะว่าฝนตกหนักทำให้ทุเรียนไม่ได้คุณภาพผู้ส่งออกเริ่มกังวลมีความเสี่ยงสูงขึ้น ราคาซื้อหน้าล้งก็ขยับลงเพราะกลัวขาดทุน แต่ราคาก็ยังถือว่าไม่ต่ำมาก อีกทั้งต้องรอดูสภาพอากาศซึ่งไม่มีความแน่นอน หากฝนตกเยอะขึ้นคุณภาพของทุเรียนก็น่าจะแย่ลง เพราะว่าปีนี้ผลผลิตเยอะมาก ด้านมังคุด เจอประสบปัญหาเนื้อแก้วไหลทําให้คุณภาพมังคุดแย่เหมือนกัน” นายสัญชัย ระบุ

ทั้งนี้แม้ปี 2568 นี้ จะเป็นปีที่ผลผลิตออกมากกว่าปีที่ผ่านมา และราคาเฉลี่ยเริ่มลดลงบ้างเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ในภาพรวมยังถือว่า "ไปได้" โดยเฉพาะในฝั่งเกษตรกร ที่แม้กำไรจะน้อยลง แต่ยังไม่ถึงขั้นขาดทุน

ด้านตลาดส่งออก โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าหลัก ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว โดยผู้ส่งออกบางรายได้รับผลกระทบจากการตรวจสินค้าล่าช้าที่หน้าด่านจีนในรอบที่ผ่านมา ทำให้เกิดความเสียหายสูง อย่างไรก็ตาม หลังจาก วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ทางการจีนเริ่มผ่อนปรนมาตรการมากขึ้น ทำให้สถานการณ์การส่งออกเริ่มคล่องตัว และน่าจะเป็นสัญญาณบวกในช่วงฤดูกาลที่เหลือต่อไป