สศช.ผวาราคาข้าวโลกดิ่งหนักเกือบ 30% กระทบรายได้ชาวนาวูบ

19 พ.ค. 2568 | 08:38 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2568 | 08:48 น.

สศช. เผยราคาข้าวโลกดิ่งลง 29.4% กระทบรายได้ชาวนาไทย เหตุอินเดียยกเลิกราคาขั้นต่ำส่งออกและภาษี 10% ด้านเวียดนามเร่งขยายตลาดผ่านข้อตกลงการค้าระยะยาว ส่งผลราคาข้าวในประเทศร่วงตาม 27.6% กดดันรายได้เกษตรกรในระยะต่อไป แม้ผลผลิตข้าวปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 4.1%

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) วิเคราะห์สถานการณ์การผลิต บริโภค และส่งออกข้าวเปลือกและข้าวสารเจ้าของไทย ระบุว่า ในปี 2567 การผลิตข้าวของไทยเผชิญปัจจัยท้าทายหลายด้าน ทั้งจากสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยเข้าสู่ภาวะเอลนีโญในช่วงครึ่งแรกของปี ส่งผลให้ปริมาณฝนลดลงและเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ผลผลิตข้าวในบางพื้นที่เสียหายจากการขาดแคลนน้ำ และเข้าสู่ภาวะลานีญา ในช่วงครึ่งหลังของปี ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนสะสมและปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำปรับตัวเพิ่มขึ้น

สะท้อนจากข้อมูลจากคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศทั้งสิ้น 35 แห่ง ณ สิ้นปี 2567 พบว่ามีปริมาตรน้ำรวม 35,743 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ปรับตัวดีขึ้นจากการลดลงร้อยละ 6.1 ในปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) ร้อยละ 26.7 ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลผลิตข้าวปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันต้นทุนการเพาะปลูกข้าวของไทยยังอยู่ในระดับสูงจากราคาปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ต้นทุนพลังงาน และค่าจ้างแรงงาน

ประเทศไทยมีเนื้อที่เพาะปลูกข้าวในปี 2567 จำนวน 72.223 ล้านไร่ ลดลงร้อยละ 1.7 แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2566) ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณผลผลิตข้าวจำนวน 33.49 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงร้อยละ 0.4 และเมื่อผ่านกระบวนการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร (การสีข้าว) จะทำให้มีผลผลิตข้าวจำนวน 21.77 ล้านตันข้าวสาร กว่าจำนวน 21.86 ล้านตันข้าวสาร ในปีที่ผ่านมา

โดยความต้องการบริโภคข้าวในประเทศมีจำนวน 14.35 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เทียบกับการเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ปริมาณส่งออกข้าวต่างประเทศจำนวน 8.6 ล้านตันข้าวสาร ลดลงร้อยละ 1.9 เทียบกับการเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.7 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีสต็อกข้าวในช่วงท้ายปีจำนวน 2.349 ล้านตันข้าวสาร ลดลงร้อยละ 32.7 ต่อเนื่องจากการลดลงร้อยละ 15.4 ในปีที่ผ่านมา และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) ร้อยละ 41.5

สำหรับแนวโน้มในปี 2568 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ว่า จะมีเนื้อที่เพาะปลูกข้าวจำนวน 74.03 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ปรับตัวดีขึ้นจากการลดลงร้อยละ 1.7 ในปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) ร้อยละ 1.4

ส่งผลให้มีปริมาณผลผลิตข้าวจำนวน 34.87 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ปรับตัวดีขึ้นจากการลดลงร้อยละ 0.4 ในปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) ร้อยละ 5.2 และมีผลผลิตข้าวจำนวน 22.67 ล้านตันข้าวสาร สูงกว่าจำนวน 21.77 ล้านตันข้าวสาร ในปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) จำนวน 20.71 ล้านตันข้าวสาร

โดยคาดการณ์ว่าความต้องการบริโภคข้าวในประเทศมีจำนวน 15.21 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เร่งขึ้นจากการเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ในปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) ร้อยละ 22.8

ส่วนปริมาณส่งออกข้าวต่างประเทศคาดว่ามีจำนวน 7.25 ล้านตันข้าวสาร ลดลงร้อยละ 15.7 เทียบกับการลดลงร้อยละ 6.1 ในปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) ร้อยละ 0.5 และจะส่งผลให้มีสต็อกข้าวในช่วงท้ายปีจำนวน 2.65 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เทียบกับการลดลงร้อยละ 32.7 ในปีที่ผ่านมา แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) ร้อยละ 34.0

สถานการณ์น้ำ ปริมาณการผลิต การบริโภค การส่งออกข้าวของไทย

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า แม้ว่าความต้องการบริโภคข้าวในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม และอุตสาหกรรมอาหาร อย่างไรก็ดี จากการประมาณการของ USDA Foreign Agricultural Service คาดว่าปริมาณการส่งออกข้าวสารของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง แม้ว่าความต้องการบริโภคข้าวสารในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

โดยสัดส่วนของปริมาณการส่งออกข้าวสารปรับตัวลดลงจากร้อยละ 16.31 ของปริมาณการส่งออกข้าวสารโลกในปีการผลิต 2566/67 เหลือเพียงสัดส่วนร้อยละ 13.11 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศอินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ได้มีการประกาศยกเลิกราคาขั้นต่ำในการส่งออก (Minimum Export Price : MEP) และยกเลิกภาษีการส่งออกร้อยละ 10.0 สำหรับข้าวขาวนอกกลุ่มบาสมาติ (HS Code 10063090) ประกอบด้วย ข้าวนึ่ง (Parboiled Rice) ข้าวกล้อง (Brown Rice) และข้าวเปลือก (Husked Rice) ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2567 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ ประเทศเวียดนามซึ่งถือเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับสามของโลก รองจากอินเดียและไทย ยังคงเร่งขยายตลาดส่งออกข้าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำข้อตกลงการค้าระยะยาวกับประเทศผู้นำเข้าหลัก อาทิ The EU -Vietnam Free Trade Agreement (EVFTA) เป็นต้น

สภานการณ์ข้าว

จากปัจจัยที่กล่าวมานี้ ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดโลกและตลาดภายในประเทศ โดยจากข้อมูลของ Federal Reserve Economic Data ราคาข้าวสาร ณ เดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ 402.68 ดอลลาร์ สรอ. ต่อตัน ลดลงร้อยละ 29.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา ณ เดือนมีนาคม 2568 ภายในประเทศ อยู่ที่ 8,176.29 บาทต่อตัน ลดลงร้อยละ 27.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของรายได้เกษตรผู้ปลูกข้าวเปลือกในระยะต่อไป