ไก่ไทยตีปีก จีน-อียูแบนนำเข้าไก่บราซิล เล็งทั้งปีส่งออก 1.54 แสนล้าน

17 พ.ค. 2568 | 09:39 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2568 | 09:52 น.

ไทยหวังส้มหล่นจีน-อียู หันนำเข้าไก่เพิ่ม หลังไข้หวัดนกระบาดในบราซิลเบอร์ 1 ผู้ผลิตและส่งออกสินค้าไก่โลก ลุ้นเป้าทั้งปี 1.54 แสนล้านหลังญี่ปุ่น อังกฤษ จีนยังนำเข้าต่อเนื่อง

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568  จีนและสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประกาศระงับการนำเข้าเนื้อไก่จากบราซิลซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลก หลังพบการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรง (HPAI) ในฟาร์มแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศ

ในกรณีของจีนจะระงับการนำเข้าเนื้อไก่จากบราซิลเป็นระยะเวลา 60 วัน วัน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกระลอกใหม่ในบราซิล ขณะที่ประเทศในยุโรปจะระงับการนำเข้าเนื้อไก่จากบราซิลอย่างไม่มีกำหนด

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตเนื้อสัตว์บราซิล (ABPA) ระบุว่า จีนเป็นผู้นำเข้าเนื้อไก่จากบราซิลรายใหญ่สุด โดยในปี 2567 จีนมีการนำเข้า 562,000 ตัน หรือมากกว่า 10% ของยอดส่งออกทั้งหมดของบราซิล ส่วนอียูนำเข้า 231,000 ตัน คิดเป็น 4.5% ของยอดส่งออกทั้งหมดของบราซิล อย่างไรก็ดีจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลอย่างไรต่อการส่งออกสินค้าไก่ของไทยไปตลาดจีนและอียูนั้น

นายคึกฤทธิ์  อารีปกรณ์ นายกสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ที่ผ่านมาจีนและสหภาพยุโรป (อียู) มีการนำเข้าสินค้าไก่จากบราซิลที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าไก่รายใหญ่สุดของโลกมากกว่าการนำเข้าจากไทย เนื่องจากสินค้าไก่ของบราซิลมีต้นทุนการผลิต และราคาต่ำกว่า ขณะที่สินค้าไทยแข่งด้วยคุณภาพและมาตรฐาน

สำหรับการประกาศระงับการนำเข้าสินค้าไก่ของจีนจากบราซิลเป็นระยะเวลา 60 วัน ขณะที่ประเทศอื่นในอียู จะระงับการนำเข้าอย่างไม่มีกำหนด มองว่าโอกาสที่ทั้งจีนและอียูจะมานำเข้าสินค้าไก่จากประเทศไทยเพิ่ม เพื่อทดแทนสินค้าจากบราซิลมีโอกาสสูง เนื่องจากการเลี้ยงไก่ของไทยเป็นระบบคอมพาร์ทเมนต์ที่ป้องกันไข้หวัดนกและโรคต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ทำให้คู่ค้ามีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของสินค้า

ทั้งนี้ไทยจะได้รับอานิสงส์มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับประเทศคู่ค้าไก่ของบราซิลจะแบนการนำเข้าจากบริษัทของบราซิลทั้งประเทศ หรือจะจำกัดการนำเข้าเฉพาะราย ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ แต่ในมลรัฐอื่นที่ไม่มีการระบาดของโรคอาจจะยังส่งออกได้อยู่หรือไม่

“ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นก็เคยมีการแบนการนำเข้าสินค้าไก่จากบราซิล หลังมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มบางแห่ง  ซึ่งญี่ปุ่นก็มีการแบนการนำเข้าเฉพาะมลรัฐที่เกิดไข้หวัดนกของบราซิล ขณะที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาจีนได้เปิดการนำเข้าสินค้าไก่จากอาร์เจนตินาอีกครั้ง หลังไข้หวัดนกคลี่คลายซึ่งเป็นการเปิดการนำเข้าในรอบ 2 ปี”

สำหรับในปีที่ผ่านมา  ไทยมีการส่งออกสินค้าไก่ไปตลาดจีนประมาณ 1.1 แสนตัน โดยส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนตีนไก่สัดส่วนกว่า 90% ส่งออกไปตลาดอียูมากกว่า 1 แสนตัน และส่งออกไปสหราชอาณาจักร(อังกฤษ) ที่แยกตัวออกจากสหภาพยุโรปแล้ว อีกประมาณ 2 แสนตัน สินค้าส่วนใหญ่ที่ไปยุโรปจะเป็นเนื้ออก ทั้งที่เป็นไก่สดและไก่แปรรูป

ทั้งนี้ ในปี 2567 ไทยมีการส่งออกสินค้าไก่ไปทั่วโลก  1.22 ล้านตัน มูลค่า 1.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีการส่งออก 1.09 ล้านตัน มูลค่า 1.40 แสนล้านบาท ในปี 2568 ทางสมาคมฯได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไก่ไทยที่ 1.224 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ประมาณ 2% และด้านมูลค่าคาดจะขยายตัวอย่างต่ำ 2% (1.54 แสนล้านบาท) ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากรในปี 2567 ไทยมีการส่งออกสินค้าไก่ 151,312  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.4% ตลาดส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น มูลค่า 66,188  ล้านบาท, สหราชอาณาจักร 29,020 ล้านบาท,จีน 15,561 ล้านบาท, เนเธอร์แลนด์ 7,102 ล้านบาท และมาเลเซีย 6,851 ล้านบาท

ล่าสุดช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าไก่ของไทยมีมูลค่ารวม 37,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น มูลค่า 15,759 ล้านบาท , สหราชอาณาจักร 76,80  ล้านบาท, จีน 4,144  ล้านบาท, เนเธอร์แลนด์ 2,095  ล้านบาท และมาเลเซีย 1,692 ล้านบาท

ปัจจุบันประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าไก่อันดับต้น ๆ ของโลกตามลำดับ ได้แก่ บราซิล สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (เช่น โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส) และไทย