วันนี้ (17 พ.ค.68) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดงานแสดงสินค้าฮาร์บิน อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เทรด แฟร์ ครั้งที่ 34 ณ นครฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน (The 34th Harbin International Economic and Trade Fair) โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-จีน ในวาระครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ในปีนี้
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยฯ ได้กล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานในวาระสำคัญที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประเทศแขกกิตติมศักดิ์ในงานแสดงสินค้าที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ พร้อมทั้งย้ำว่าความสัมพันธ์ไทย-จีนไม่ได้เป็นเพียงความสัมพันธ์ทางการทูตที่ยาวนาน 50 ปีเท่านั้น
แต่เป็นสายใยมิตรภาพที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยความร่วมมือระหว่างไทย-จีนได้พัฒนาขึ้นเป็น "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติ
นายนภินทรเปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า จีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี โดยมีมูลค่าการค้ารวมในปีที่ผ่านมา กว่า 8.1 แสนล้าน (4.2ล้านล้านบาท) ครอบคลุมทั้งสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุดของสินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะยางพารา และผลไม้สดคุณภาพสูงอย่างทุเรียน มังคุด และลำไย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภคชาวจีน
นอกจากนี้ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากไทยก็มีตลาดสำคัญในประเทศจีนเช่นกัน ในขณะเดียวกัน การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบจากจีนก็มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาคการผลิตและอุตสาหกรรมของไทย
รัฐมนตรีช่วยฯ ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างไทยและจีนที่ไม่เพียงแต่ดำเนินอยู่ในระดับทวิภาคีเท่านั้น แต่ยังขยายตัวผ่านกรอบการค้าเสรีระดับภูมิภาค จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) สู่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
ซึ่งถือเป็นความตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจีนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ความตกลงเหล่านี้เปิดประตูให้ภาคธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้กว้างขวางมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการลงทุนข้ามพรมแดน
นอกจากนี้ นายนภินทรยังเน้นย้ำถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไทยและจีนในด้านโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อประเทศไทย ผ่าน สปป.ลาว สู่จีนตอนใต้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถอาศัยโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมของจีนในการกระจายสินค้าสู่จีนตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงมณฑลเฮยหลงเจียงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านการลงทุน รัฐมนตรีช่วยฯ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ไทยมีการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล (ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
โดยการลงทุนจากบริษัทจีนมีมากถึง 810 โครงการ ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงเปิดรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการลงทุนในอนาคตร่วมกันของทั้งสองประเทศ ในโอกาสเยือนมณฑลเฮยหลงเจียง
นายนภินทรได้กล่าวถึงศักยภาพของมณฑลที่แม้จะตั้งอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยมากที่สุด แต่เมืองฮาร์บินก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนไทยในด้านการท่องเที่ยวเทศกาลน้ำแข็ง ฮาร์บิน อินเตอร์เนชั่นแนล ไอซ์ แอนด์ สโนว์ เฟสติวัล
นอกจากนี้ มณฑลเฮยหลงเจียงยังเป็นมณฑลที่มีอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ในทุกด้าน ทั้งเป็นแหล่งผลิตธัญพืชที่สำคัญอันดับ 1 ของจีน มีอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารที่ทันสมัย ซึ่งรัฐมนตรีช่วยฯ มองว่าไทยและจีนมีโอกาสร่วมกันในหลายมิติ เช่น สินค้าเกษตรคุณภาพสูง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมณฑลเฮยหลงเจียงให้ใกล้ชิดมากขึ้น รัฐมนตรีช่วยฯ ได้เสนอแนวทาง 3 ประการ ได้แก่
1.การเสริมสร้างความเชื่อมโยงระดับนโยบายผ่านการเจรจาและกลไกความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยและหน่วยงานด้านการค้าของจีน
2.การสนับสนุนภาคเอกชนให้เข้าถึงโอกาสในตลาดจีน โดยเฉพาะ SME และเกษตรกรไทย ผ่านการพัฒนาแบรนด์ การรับรองมาตรฐาน และการใช้เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ รวมถึงการมีส่วนร่วมในงานแสดงสินค้าที่สำคัญ และ
3.การพัฒนาแพลตฟอร์มเศรษฐกิจการค้าแบบยั่งยืน โดยใช้หลัก BCG Economy สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
นายนภินทรย้ำว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีน คือเสาหลักแห่งความมั่นคงและมั่งคั่งของภูมิภาคเอเชีย และความร่วมมือทางการค้าไม่ใช่เพียงตัวเลขของมูลค่าการส่งออกหรือโครงการลงทุนเท่านั้น แต่คือการเชื่อมโยงระหว่างผู้คน อุดมการณ์ และอนาคตร่วมกันรัฐมนตรีช่วยฯ ปิดท้ายด้วยการกล่าวขอบคุณสำหรับการได้รับเกียรติให้ประเทศไทยเป็นประเทศแขกกิตติมศักดิ์ในงานแสดงสินค้าฮาร์บิน อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เทรด ครั้งที่ 34
และโอกาสได้มาเยือนนครฮาร์บินที่สวยงาม พร้อมยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดของจีนในการก้าวไปข้างหน้าสู่ยุคเศรษฐกิจใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมกล่าวในภาษาจีนว่า "จงไท่ อี้เจีย ชิน - จีนไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน" และอวยพรให้การจัดงานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี