วันนี้ (28 เมษายน 2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเรื่อง “FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก” จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ภายใต้โครงการส่งเสริม SMEs ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคอีสาน
โดยมีผู้ประกอบการ SMEs สนใจเข้าร่วมมากกว่า 150 คน จาก 4 จังหวัดพื้นที่ภาคอีสาน ได้แก่ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และหนองคาย เพื่อสร้างความพร้อมในการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการส่งออกของไทย และเป็นอาวุธสำหรับผู้ประกอบการในการรับมือกับการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลกของสหรัฐอเมริกา
โดยมีผู้ประกอบการ SMEs สนใจเข้าร่วมมากกว่า 150 คน จาก 4 จังหวัดพื้นที่ภาคอีสาน ได้แก่ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และหนองคาย เพื่อสร้างความพร้อมในการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการส่งออกของไทย และเป็นอาวุธสำหรับผู้ประกอบการในการรับมือกับการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลกของสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้การสัมมนา “FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก” ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 จากทั้งหมด 10 ครั้งที่กำหนดจัดขึ้นทั่วประเทศนั้น ต้องการให้ผู้ประกอบการนำความรู้ไปใช้จริงในการขยายตลาดส่งออก พร้อมเชื่อมั่นว่าโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยวจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยรัฐบาลยังเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศควบคู่ไปด้วย
นายพิชัย เปิดเผยว่า FTA มีความสำคัญมาก ช่วยให้ภาคส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆนี้ ไทยเจรจา FTA กับ EFTA ได้สำเร็จ ก็เห็นสัญญาณบวกชัดเจน การส่งออกของไทยไปยังตลาดสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวต่อเนื่อง เดือนมกราคม 852% เดือนกุมภา 235% และเดือนมีนาคม 497%
ขณะเดียวกันไทยยังเดินหน้าเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งคาดหวังว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ หากสำเร็จ ไทยจะมีความตกลงทางการค้ากับกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
"หากเทียบกับเวียดนาม ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เวียดนามมี FTA กับ 57 ประเทศ แสดงให้เห็นว่า FTA มีบทบาทอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เราจึงพยายามเร่งเจรจา FTA กับเกาหลีใต้ UAE และอาเซียน-แคนาดา เพื่อขยายโอกาสทางการค้าให้กว้างขึ้น" นายพิชัย ระบุ
ทั้งนี้ กรณีที่พรรคฝ่ายค้าน กล่าวว่าการส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่องมา 3 เดือนติดเพราะผู้ประกอบการเร่งส่งออกเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาษีทรัมป์ ขอชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจผิด เพราะภาษีทรัมป์อาจจะมีส่วนทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุนี้ทั้งหมด
ขณะที่ทิศทางการส่งออกทั้งภาพรวมของไทยดีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ท่านนายกเข้ามารับตำแหน่ง เดือนตุลาคมส่งออกโต 14.6% พฤศจิกายน 8.2% ธันวาคม 8.7% ก่อนทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี
โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม–มีนาคม) การส่งออกขยายตัว 15.2% รวมมูลค่า 81,532.3 ล้านดอลลาร์ โดยในแต่ละเดือนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มกราคม 13.6%, กุมภาพันธ์ 14% และมีนาคม 17.8% การส่งออกไทยโตต่อเนื่อง 6 เดือนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.9% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน