วันที่ 25 เมษายน 2568 องค์กรห่วงโซ่อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันแบบยั่งยืน ได้ยื่นหนังสือต่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 4 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงการคลัง พลังงาน เกษตรและสหกรณ์ และพาณิชย์ เพื่อเรียกร้องให้เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างเร่งด่วน
ต้นตอของปัญหานี้มาจากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบพุ่งสูงถึง 259,000 ตัน ส่งผลให้ราคาตกต่ำลงและเกษตรกรได้รับผลกระทบโดยตรง
ขณะเดียวกัน ความพยายามในการส่งออกก็ประสบความล้มเหลว เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มของไทยยังสูงกว่าราคาตลาดโลก
องค์กรฯ ยังเปิดเผยถึงพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบของผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่ไม่ปฏิบัติตามราคาประกาศของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในการรับซื้อน้ำมันไบโอดีเซล B100 โดยแทนที่จะซื้อในราคาที่กำหนด กลับบีบให้โรงงานจำหน่ายในราคาต่ำกว่าจนขาดทุน และบางแห่งถึงขั้นต้องปิดกิจการ
ทั้งที่ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) และคณะรัฐมนตรีมีมติชัดเจนให้ผู้ค้าน้ำมันรับซื้อ B100 ตามราคาประกาศของ สนพ. โดยไม่มีการขอส่วนลดพิเศษ เพื่อสร้างความเป็นธรรมตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรม แต่จนถึงขณะนี้ หลายฝ่ายยังไม่ปฏิบัติตาม
เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น องค์กรฯ จึงเสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
องค์กรฯ เน้นย้ำว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปโดยไม่เร่งแก้ไข จะสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างธุรกิจปาล์มน้ำมันทั้งระบบ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเกษตรกรรากหญ้า ซึ่งเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันอย่างแท้จริง