องค์กรปาล์มจี้รัฐ ปรับสูตรไบโอดีเซล B5 เป็น B7 แก้ปัญหาราคาตกต่ำ

26 เม.ย. 2568 | 05:51 น.
อัปเดตล่าสุด :26 เม.ย. 2568 | 05:52 น.

องค์กรห่วงโซ่อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันแบบยั่งยืนยื่นหนังสือเรียกร้องเร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ หลังสต๊อกน้ำมันพุ่งสูง ผลักดันปรับไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7

วันที่ 25 เมษายน 2568 องค์กรห่วงโซ่อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันแบบยั่งยืน ได้ยื่นหนังสือต่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 4 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงการคลัง พลังงาน เกษตรและสหกรณ์ และพาณิชย์ เพื่อเรียกร้องให้เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างเร่งด่วน

ต้นตอของปัญหานี้มาจากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบพุ่งสูงถึง 259,000 ตัน ส่งผลให้ราคาตกต่ำลงและเกษตรกรได้รับผลกระทบโดยตรง

ขณะเดียวกัน ความพยายามในการส่งออกก็ประสบความล้มเหลว เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มของไทยยังสูงกว่าราคาตลาดโลก

องค์กรฯ ยังเปิดเผยถึงพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบของผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่ไม่ปฏิบัติตามราคาประกาศของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในการรับซื้อน้ำมันไบโอดีเซล B100 โดยแทนที่จะซื้อในราคาที่กำหนด กลับบีบให้โรงงานจำหน่ายในราคาต่ำกว่าจนขาดทุน และบางแห่งถึงขั้นต้องปิดกิจการ

ทั้งที่ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) และคณะรัฐมนตรีมีมติชัดเจนให้ผู้ค้าน้ำมันรับซื้อ B100 ตามราคาประกาศของ สนพ. โดยไม่มีการขอส่วนลดพิเศษ เพื่อสร้างความเป็นธรรมตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรม แต่จนถึงขณะนี้ หลายฝ่ายยังไม่ปฏิบัติตาม

เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น องค์กรฯ จึงเสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

  1. เร่งปรับส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 เพื่อระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ
  2. กำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำของทะลายปาล์มน้ำมัน เพื่อพยุงรายได้เกษตรกร
  3. บังคับให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รับซื้อ B100 ตามราคาประกาศของ สนพ. อย่างเคร่งครัด

องค์กรฯ เน้นย้ำว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปโดยไม่เร่งแก้ไข จะสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างธุรกิจปาล์มน้ำมันทั้งระบบ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเกษตรกรรากหญ้า ซึ่งเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันอย่างแท้จริง