นายอธิราษฎร์ ดำดี นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ และนายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ (23 เม.ย.68) ทางกลุ่มเครือข่ายชาวสวนปาล์ม ได้ยื่นหนังสือนายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และนายนิรันดร์ ปราบอักษร ปลัดจังหวัดกระบี่รับข้อเสนอ 6 ข้อ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตปาล์มล้นโรงงานสกัด ส่งผลให้ลานเทหยุดรับซื้อปาล์มทะลายจากเกษตรกร รถบรรทุกปาล์มติดคิว รอส่งผลปาล์มต่อแถวล้นออกจากโรงงาน รอคิวคราวละสองถึงสามวัน มีผลกดดันให้ปาล์มทะลาย ราคารับซื้อตกต่ำลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง อย่างต่อเนื่อง และเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกร โดยการอ้างเปอร์เซนต์การสกัดน้ำมันปาล์มต่ำมาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว ไม่เป็นไปตามโครงสร้างราคาอ้างอิงของปาล์มทะลาย และเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มก็ไม่เป็นไปตามที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนด
“จังหวัดกระบี่” มีพื้นที่ปลูกปาล์ม 1.2ล้านไร่ มีผลผลิตปาล์มน้ำมัน 3.6ล้านตัน มีรายได้ปาล์มน้ำมันเป็นรายได้รวม 21,600 ล้านบาท ต่อครัวเรือนเกษตรกร 4 หมื่นกว่าครอบครัว เป็นรายได้ต่อครัวเรือนที่แท้จริง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อความเรียบร้อยทางสังคมและเศรษฐกิจภาคเกษตร เพราะวิกฤติการณ์ปาล์มน้ำที่เกิดขึ้นมีผลกระทบ สับสน วุ่นวาย ตลอด 24 ชั่วโมง อาจจะยืดเยื้อ และ รุนแรงมากขึ้น อาจทำให้มีการชุมนุมที่มวลชนของกลุ่มต่างๆที่ได้รับผลกระทบ มีความเสี่ยงต่อความไม่สงบเรียบร้อย อันส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อภาคราชการและรัฐบาล การเกิดวิกฤติการณ์ปาล์มน้ำมันเกิดขึ้นซ้ำในทุกๆ สามารถคาดการณ์และแก้ไขได้โดยการทำงานแบบบูรณาการของหน่วยงานต่างๆของจังหวัด ผู้ประกอบการลานเท 450 ลานเท โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 16โรงงาน และเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันทั้งสี่หมื่นครอบครัว
อย่างไรก็ดี ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ผลสรุปจากการเรียกร้องทำให้ในวันพรุ่งนี้ (24 เม.ย.68) จะเป็นประธานคณะกรรมการปาล์มน้ำมัน จังหวัดกระบี่ และเป็นประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ “ กจร.” จังหวัดกระบี่ มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ได้โปรดพิจารณาข้อเรียกร้องจากสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ชมรมลานเทปาล์มน้ำมันกระบี่ และ สภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ ตามข้อเรียกร้องของชาวสวนปาล์ม ดังนี้
1.สั่งเรียกประชุมฉุกเฉินคณะกรรมการปาล์มน้ำมัน จังหวัดกระบี่เพื่อหารือ ตรวจสอบข้อมูล กำหนดแนวทาง สั่งการ ดำเนินการต่างๆเพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์ปาล์มน้ำมันของจังหวัดกระบี่ ให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด แม้จะเป็นการประชุมนอกเวลาราชการก็เป็นสิ่งจำเป็นและเร่งด่วน
2.ทำการตรวจสอบกำลังการผลิตที่มีศักยภาพจริงของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ทั้ง 16 โรงงาน เพื่อให้เกิดการทำแผนการผลิตให้พอดีกับศักยภาพของแต่ละโรงงาน ให้โรงงานมีแผนปริมาณการรับซื้อปาล์มต่อลานเทและเกษตรกรตามกำลังการสกัด ให้เป็นภาวะสมดุลการผลิตและมีการสนับสนุนด้านต่างๆให้โรงสกัดเดินเครื่องผลิตให้ได้เต็มกำลัง เพื่อระบายผลผลิตปาล์มทะลายที่เกินกำลังผลิต
3.สั่งตรวจสอบเปอร์เซนต์น้ำมันปาล์มของโรงงานสกัดเป็นรายวัน เพื่อเป็นการแสดงถึง ประสิทธิภาพการผลิตคุณภาพการรับซื้อปาล์มทะลาย เพื่อการติดตามการปรับปรุงการผลิตและคุณภาพการรับซื้อปาล์มน้ำมันของแต่ละโรงงานควบคุมการสกัดน้ำมันปาล์มให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดและคุณภาพวัตถุดิบในการผลิตของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม พ.ศ. 2562 ตามข้อ 1 (1)
4.ใช้คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการกจร.ใช้อำนาจหน้าที่ตามมาตรา 25 (1) กำหนดราคาซื้อปาล์มทะลาย ให้ผู้ซื้อซื้อในราคาไม่ต่ำกว่าที่กำหนด โดยเป็นไปตามโครงสร้างราคาที่สัมพันธ์กับคุณภาพน้ำมันสร้างความเป็นธรรมด้านราคาในการรับซื้อปาล์มจากเกษตรกร
5.ทำการประชาสัมพันธ์ต่อเกษตรกร ลานเท ทั้งจังหวัดกระบี่ ให้ไม่ตื่นตระหนก ตัดปาล์มเฉพาะที่สุกเต็มที่ และทยอยเลื่อนการตัดปาล์มออกไป ปาล์มน้ำมันกึ่งสุกสามารถฝากไว้บนต้นได้ การตัดปาล์มช้าลง จะได้ปาล์มที่สุกเต็มที่ มี%สูง จะได้รับราคาสูงขึ้น และจังหวัดมีศักยภาพในการคลี่คลายปัญหาครั้งนี้ได้
6.ขอความร่วมมือให้โรงงานสกัดของบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด ที่ อ.คลองท่อม กำลังผลิต 45ตันทะลายต่อชั่วโมง1,000 ตันต่อวัน ที่หยุดกิจการไปเนื่องจากมีคดีที่ดำเนินการล่าช้า ให้เข้ามาทำการผลิตเป็นโรงงานที่ 17 อย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยระบายผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ล้นเกินกำลังผลิตอยู่ในขณะนี
“ในวันพรุ่งนี้ต้องรอดูผลการประชุมว่า การทำงานแบบบูรณาการในจังหวัดจะสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่สำคัญ มีเสถียรภาพ เป็นที่พึ่งทางเศรษฐกิจ เป็นปากท้องของเกษตรกร เป็นการศึกษาของลูกหลาน ทั้งปัจจุบันและอนาคต ของจังหวัดกระบี่” นายอธิราษฎร์ กล่าวในตอนท้าย