ภาษีทรัมป์ จุดเปลี่ยนการค้าโลก ความท้าทาย-โอกาสส่งออกไทย

25 เม.ย. 2568 | 23:45 น.

ทูตพาณิชย์ สหรัฐฯชี้ นโยบายภาษีทรัมป์จุดเปลี่ยนการค้าโลก แนะโอกาสไทยเร่งหาช่องเจรจา-หนุนส่งออกสินค้ามีศักยภาพ

วันนี้ (25 เมษายน 2568) ที่สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ นางสาวสุภาวดี แย้มกมล อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) สพต. ณ กรุงวอชิงตัน เปิดเผยในสัมมนา “ถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์ โอกาสสู่การค้ายุคใหม่” ภายในหัวข้อเสวนา “สถานการณ์ตลาดสหรัฐอเมริกาภายหลังทรัมป์ประกาศนโยบาย” ว่า ที่ผ่านมา โดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการ ได้มีการประกาศนโยบายการค้าออกมา 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 

  1. ส่งเสริมการลงทุน การจ้างงาน และการเติบโตภายในประเทศ
  2. สร้างความได้เปรียบในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
  3.  ลดการขาดดุลการค้า และปรับความสัมพันธ์ให้เป็นธรรม ต่างตอบแทน และสมดุลยิ่งขึ้น
  4. เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน

สำหรับ โอกาสตลาดไทยในสหรัฐฯ สำหรับการเจรจา เพื่อปรับแก้การบังคับใช้มาตรการภาษี Reciprocal ในช่วงที่ยังอยู่ระหว่างการระงับภาษี Reciprocal ชั่วคราว 90 วัน ไทยสามารถใช้เวทีความร่วมมือทวิภาดีที่มีกับสหรัฐฯ อาทิ TIFA เพื่อเจรจาประเด็นการค้าต่าง ๆ ที่มีกับสหรัฐฯ ซึ่งอาจรวมถึงการนำไปสู่การจัดทำความร่วมมือเฉพาะสาขาระหว่างกัน

อีกทั้งสินค้าที่ไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันด้วยตัวเองและสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สามารถแข่งขัน เติบโต และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ โดยเน้นพัฒนาสร้างจุดเด่น และปรับปรุงรูปแบบสินค้าให้ตรงกับ

ขณะที่ความท้าทายนโยบายการค้าเชิงปกป้องรุนแรงที่มีความผันผวนและไม่แน่นอนไทยมีอัตราภาษี Reciprocal (36%) ค่อนข้างสูง การขึ้นภาษีนำเข้า การกำหนดข้อจำกัดทางการค้า และการไต่สวน มาตราการ ADICVD มาตรา 232 และ มาตรา 301 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 

โดยเฉพาะสินค้าที่มีการใช้ชิ้นส่วน หรือมีความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทาน/การลงทุนจากจีน ไทยมีอุปสรรคทางการค้าที่เป็นข้อกังวลของสหรัฐฯ ภายใต้รายงาน NTE ที่ต้องแก้ไข ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สหรัฐฯ กำหนดในการปรับแก้การบังคับใช้มาตรการภาษี Reciprocal

สุดท้ายข้อเสนอแนะ ไทยควรติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการ รวมถึงกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ของสหรัฐฯ เพื่อเป็นแนวทางการปรับตัวของอุตสาหกรรมไทย พัฒนาคุณสมบัติของไทยในด้านต่าง ๆ ที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ

อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และมาตรฐานแรงงานเฝ้าระวังและตรวจสอบการใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบจากจีนในการผลิตสินค้าของไทยที่ส่งออกมายังสหรัฐฯ

เพื่อลดผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิต - ผู้นำเข้าสหรัฐฯ ที่มากกว่าเพียงการแลกเปลี่ยนบริการตามสัญญาจ้าง ไปสู่ความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ ในลักษณะคู่ค้าที่เป็น Strategic Supply Chain Partner เพื่อร่วมกันลดผลกระทบและความเสียงจากาตรการภาษี และสถานการณ์ความ ไม่แน่นอนในภาพแวดล้อมการค้าปัจจุบัน

นางสาวเกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผอ.สคต. ณ นครนิวยอร์ก เปิดเผยว่า สถานการณ์การซื้อการขายสินค้าในสหรัฐฯ ในช่วงวันที่ 2 เมษายน 2568 ผู้ประกอบการ นักลงทุน ก็มีความกังวลว่าจะสงครามการค้า ซึ่งชาวอเมริกัน มีความกังวลจะขึ้นราคาได้มีการกักตุนสินค้า อาทิ อาหารกระป๋อง ยอดขายขึ้นถึง 20-30% ขณะที่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตของสินค้าเอเชีย สินค้าบางยี่ห้อ เช่น ซีอิ้วขาว สินค้าไม่เหลือ เพราะร้านอาหารไทยก็มีการตุนสต๊อกสินค้า 

ขณะที่ผู้ประกอบการ ซื้อรถยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มมากขึ้น ในวันที่ 9 เมษายน ประกาศชะลอการค้าขึ้นชภาษี ดัชนีความเชื่อมั่ผู้บริโภค ตกลงมาค่อนข้างเทียบเท่ากับช่วงโควิด ส่งผลให้พฤติกรรมบริโภค มีการปรับตัว ในส่วน สคต. มีผู้นำเข้า และส่งออก สินค้าไทย เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับด้านภาษี 

ด้านอัตราการว่างงาน 4.2 ตลาดยังแข็งแรงอยู่ อาจจะช่วยการซื้อขายสินค้าแข็งแรงขึ้น ผู้บรโภครอคอยการลดย่อยภาษี ทุกคนตื่น

นางสุปรารถนา กมลเวชช ผอ.สคต. ณ นครชิคาโก เปิดเผยว่า อุตสาหากรรมยานยนต์ในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต.ชิคาโก รัฐ Michigan ถือว่า เมืองหลวงแห่งยานยนต์โลก เป็นอันดับ1ภาคการผลิตของสหรัฐ มีจำนวนประมาน 1.8 ล้านคัน ในปี 2024

มีมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของรัฐมีซีแกน 304 พันล้านดอลลาร์สามารถสร้างงานกว่า 1.1 ล้าน ตำแหน่ง หรือ ร้อยละ 20 ของ ปริมาณแรงงานในรัฐมิชิแกน

ทั้งนี้ รถยี่ห้อ GM สหรัฐมีผู้ผลิตยานต์ยนต์หลักภายในประเทศ ร้อยละ 45 ในรัฐ Michigan, Kentucky, Texas, Indana และมีการนำเข้า ร้อยละ 55 ผลิต จากแม็กซิโก แคนาดา 

ขณะที่สถานการณ์ด้านผู้บริโภค มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเฉลี่ย 6.87- 15% ราคาเฉลี่ยรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 50,000-100,000 เหรียญสหรัฐ

สุดท้ายโอกาสสินค้าไทย และบทส่งท้าย เมื่อวันที่ 22 เมษายน ตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ จำนวน 6 กลุ่มในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ เป็นตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์ ผู้จัดจำหน่าย และซัพพลายเออร์ได้รวมตัวลงนามในจดหมายและยื่นต่อทีมบริหารของประธานาธิบดีทรัมปี

เพื่อขอให้พิจารณาการผ่อนคลายมาตรการภาษีร้อยละ 25 สำหรับสิบสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์นำเข้า ประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังพิจารณาการยกเว้นภาษีบางรายการสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ และสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์

ทั้งนี้ การเลือกตั้งที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ชัยชนะจากรัฐมิชิแกน ได้เปลี่ยนจากรัฐที่เคยเป็นฐานเสียงของพรรค Democrat มาเป็นพรรค Republican จึงน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ทรัมป์และทีมบริหารต้องพิจารณาอย่หากมาตรการภาษีในกลุ่มสินค้ายานยนต์ ได้รับการพิจารณาผ่อนคลาย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกกลุ่มสินค้ายานยนต์ไปตลาดสหรัฐฯ ในปริมาณและมูลค่าจำจำนวนมาก

นายชวนล ผิวนิล ผอ.สคต. ณ เมืองไมอามี เปิดเผยว่า หลังจากสหรัฐฯขึ้นภาษีจีน ส่งผลให้สินค้าไทยมีโอกาสขยายตัว อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และใช้ในธุรกิจบริการ หลังจากสินค้าจีนโดนแบรนด์ มีบริษัทในสหรัฐ เข้ามาให้เราหาสินค้าเพื่อมาทดแทนการตลาด ทั้งในสหรัฐ และตลาดแถบละติน เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตหลักในภูมิภาคเอเชีย และเป็นสินค้าที่คุณภาพ 

ขณะเดียวกัน ยังมีสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ผลไม้แปรรูป อาหารกระป๋อง อบแห้ง อาหารสัตว์ อุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ ถุงมือยาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ สายยางสินค้าแฟชั่น รองเท้า สินค้าเครื่องใช้เดินทาง กระเป๋าถือ กระเป๋าหนัง ข้าวหอมมะลิ เครื่องปรุงรส

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มชิ้นส่วนยายนต์ แบตเตอรี่ ล้อรถยนต์ เนื่องจากสหรัฐยังมีการนำเข้า เพราะยังไม่มีอุตสาหกรรมที่แข่งแกร่งในผลิต

อีกหนึ่งเชกเตอร์ที่สนใจคือ กลุ่มอุตสาหกรรมเกมส์ ตุ๊กตาแฟชั่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องตกแต่งบ้าน สินค้าครัวเรือน