จากเหตุการณ์ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐ ประกาศวันปลดปล่อยอเมริกา ยุติการค้าที่ไม่เป็นธรรม ดีเดย์ปรับขึ้นภาษีนำเข้าพื้นฐาน(Baseline Tariff) ในอัตรา 10% กับทุกประเทศที่สหรัฐมีการนำเข้าสินค้า มีผลบังคับใช้ 5 เมษายน และจะเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Trade and Tariff) กับสินค้านำเข้าจากประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้า ซึ่งรวมถึงไทยที่ล่าสุดจะถูกเก็บภาษีที่ 36% ในทุกสินค้า มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2568 โดยสหรัฐมุ่งหวังการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ จะทำให้มีประเทศมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ยางพารา” จัดเป็นสินค้าลำดับที 4 ของไทย ที่มีผลิตภัณฑ์ยาง อาทิ ยางล้อรถยนต์ ถุงมือยาง อัตราภาษีตอบโต้ของไทยสูงกว่าแคนาดา (25%) ญี่ปุ่น (24%) และเกาหลีใต้ (25%) ล่าสุดได้รับผลกระทบจากแรงกระแทกดังกล่าวแล้ว
สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา รายงานสถานการณ์ราคากลางรับซื้อ ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 9.30 น. ราคาปรับลงทุกชนิด ดังนี้
1.ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 (ไม่อัดก้อน) ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปรับราคาลงจากวันก่อน 11.71 บาทต่อกิโลกรัม
2.ยางแผ่นดิบคุณภาพดี (ความชื้นไม่เกิน 3%) ปรับราคาลงมา 58 บาทต่อกิโลกรัม ปรับจากลงจากราคาวันก่อน 10.70 บาทต่อกิโลกรัม
3.น้ำยางสด ราคา 56 บาทต่อกิโลกรัม ปรับลงจากวันก่อนถึง 11.50 บาทต่อกิโลกรัม
4.ยางก้อนถ้วย (DRC 100%) ราคาเหลือ 53 บาทต่อกิโลกรัม ปรับลดลงมา 12.50 บาทต่อกิโลกรัม
5.ยางก้อนถ้วย (DRC 70%) ราคาปรับลงมาเหลือ 37.10 บาทต่อกิโลกรัม ปรับลดลงมา 8.75 บาทต่อกิโลกรัม
แต่หลังจากข่าว “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ได้ยืดขยายระเวลาออกไป 90 วันทำให้ราคายางทุกชนิดขยับขึ้นมา ณ วันที่ 11 เมษายน 2568 ราคายางพารา ปรับทุกชนิด ปรับราคาขึ้นมาบวก 30 สตางค์ถึง 1 บาท/กิโลกรัม
ต่อกรณีดังกล่าว นายเพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ เรื่องขอความร่วมมือในการซื้อขายยางพาราในราคาที่เป็นธรรม ด้วยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศให้ยางพาราเป็นสินค้าและบริการ ควบคุม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมีบทบัญญัติกำหนดห้หมดห้ามมิให้ผู้ ประกอบธุรกิจดำเนินการใดๆ โดยจงใจที่จะทำให้ราคาสินค้าและ บริการต่ำเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วน ซึ่งราคาสินค้าและ บริการนั้น ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการฯ ต้องระวางโทษทางอาญา
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบกิจการยางพารา ได้รับทราบและขอความร่วมมือให้ซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยาง ในราคาที่เป็นธรรม ทั้งนี้ กยท. จะจัดชุดเฝ้าระวังและติดตามประเมินสถานการณ์ เพื่อประสานความร่วมมือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันแก้ไขปัญหา ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
นายเพิก กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวเชื่อว่ามีการจงใจที่จะทำให้ราคาสินค้าและบริการต่ำเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วน ซึ่งราคาสินค้าและบริการนั้นผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะช่วงที่ผ่านมาราคายางพารา ตลาดโลก ทั้งประเทศจีน PHYSICAL และ RUBBER EXCHANGE ปรับตัวขึ้นมามาก สูงสุด 5 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ดีล่าสุด กยท. ได้ส่งหนังสือถึงสมาคมยางพาราไทย เพื่อส่งหนังสือเตือนถึงบริษัทดังกล่าวแล้วขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะถือว่าเป็นการทำลายเศรษฐกิจประเทศไทยเสียหายมาก วันนั้นที่ปรับราคาลงมาซื้อปริมาณเท่าไร ได้กำไรจากตลาดจริงเท่าไรและขาดทุนจากกำไรตลาดหลักทรัพย์เท่าไร
"จากการตรวจยางพาราที่ซื้อวันนั้นยังไม่ได้ออกจากประเทศไทยสัก 1 กิโลกรัมเลย แต่มียางราคาถูกเก็บไว้ ดังนั้นจากนี้ไปจะตรวจบริษัทในเครือทั้งประเทศเลย แล้วก่อนหน้านี้เคยมีการทำข้อตกลงกันไว้แล้วว่าห้ามลงราคายางเกินวันละ 2 บาทต่อกิโลกรัม แล้วกระทำอย่างนี้ผิดเงื่อนไขต่อให้ไม่มีกฎหมาย แต่คำพูดลูกผู้ชายใช้ไม่ได้ "
นายเพิก กล่าวว่า เรื่องราคายางตกต่ำนอกจากร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และยังมีนายกฯ ชวน หลีกภัย ,ทวี สุระบาล และส.ส. อีกหลายคน รวมถึงผู้นำเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ได้โทรมาสอบถามและพูดคุยด้วยความห่วงใยถึงเรื่องบริษัท ที่ไร้ซึ่งธรรมาภิบาล เอาเปรียบสังคม โดยการประกาศ ลงราคายางแบบไร้เหตุผล ด้วยเหตุตัวเองเจ๊งจากตลาดหุ้นแล้วมาวางบิลเก็บส่วนต่างจากพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องชาวสวนยางทั้งประเทศ
"ผมขอยืนยันว่าเจตนาผมคือต้องดำเนินการให้ผู้ที่เอาเปรียบและสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวสวนยาง ต้องคืนราคากลับมาให้ได้ รอบนี้ถ้าจำเป็นต้องเจ็บก็ต้องเจ็บแต่ต้องจบถ้าผมไม่แน่ผมคงไม่กล้าลั่นวาจา แต่ถ้าคิดจะเจรจาก็ให้เลือกไปปฏิบัติเลยดีกว่า คืนราคายางกลับมา ภายใน 10 วัน นับจากวันนี้ถ้าไม่ดำเนินการ ผมจะทำทุกวิถีทาง แม้จะต้องพังไปด้วยกันผมก็จะทำ"
นายเพิก กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์แบบนี้เราต้องอยู่กับความเป็นจริง มูลค่ายาง 3 แสนล้านคือเป้าหมายของปีนี้ ที่ยังไงผมต้องผลักดันไปถึงตัวเลขนั้นให้ได้ ถ้าไม่ได้ 31 ธันวาคม 2568 กลับบ้าน แล้วผู้บริหาร ต้องไปลาออกด้วย รองผู้ว่าฯ ทั้งสองคนสัญญาลูกผู้ชาย วันนี้ผมประกาศเลยว่าเราจะใช้ ปฏิญญาจันทบุรี ที่เราจะร่วมมือกันทั้งประเทศ ในการที่จะไปเอาอธิปไตยในสวนยาง เอาราคายางกลับคืนมาสู่พี่น้องชาวไทยทุกคน"