เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา ต.หนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง และโรงเรียนแก้งคร้อวิทยา ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เพื่อร่วมพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อขยายศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และข้าวคุณภาพภาพดีแบบยั่งยืน ภายใต้โครงการสนับสนุนการลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมมอบปัจจัยการผลิต และมอบโฉนดเพื่อการเกษตร โดยมี นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคกล้าธรรม และ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 ให้การต้อนรับ
นางนฤมล กล่าวกับประชาชนช่วงหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องประชุม เพื่อให้ข้อมูลกับทีมที่จะไปเจรจากับสหรัฐอเมริกา ที่จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายภาษีนำเข้าใหม่ โดยขยับของไทยเป็น 36%
ทั้งนี้ได้พูดกับสื่อมวลชนและคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีว่า จุดยืนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และควรที่จะเป็นจุดยืนของรัฐบาลไทยด้วยก็คือ
“เราต้องดูแลผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน จะเอาเกษตรกรไทยไปแลกกับภาคอุตสาหกรรมอื่น เราไม่ยอม สิ่งที่พูดในที่ประชุมคือ ท่านจะไปเจรจา ท่านจะไปซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ เพื่อทำให้ถูกใจฐานเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดิฉันขอถามว่า พวกเราไม่ได้มาจากการเมืองหรือ พวกเราไม่มีฐานเสียงเหรอคะ ฐานเสียงของท่านเป็นเกษตรกรของอเมริกาหรืออย่างไร แต่สำหรับดิฉันคือ เกษตรกรไทย แล้วจะเอาเกษตรกรไทยไปแลกกับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ชิ้นส่วนรถยนต์ คอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นของต่างชาติที่มาตั้งโรงงานเป็นฐานการผลิตในประเทศไทย เช่นนั้นหรือ”
รมว.เกษตรฯ กล่าวต่อว่า เรื่องการนำเข้าเนื้อและเครื่องในสุกร ที่กำลังจะถูกนำไปแลกดีลกับสหรัฐอเมริกา ก็เช่นกัน ซึ่งเราก็ชี้แจงว่า ไทยมีกฎหมายของไทยอยู่ว่า ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกร แต่สหรัฐเขาใช้สารเร่งเนื้อแดง และจะตกค้างอยู่ในเนื้อหมู ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเสี่ยงต่อการที่จะเจ็บป่วย
“เขาก็บอกให้เราแก้กฎหมาย ซึ่งดิฉันชี้แจงไปว่า หากมีการแก้กฎหมาย นั่นหมายความว่า จะไม่ใช่สหรัฐที่เดียวที่จะส่งหมูเข้ามาไทยได้ แต่ทุกประเทศที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงก็จะส่งหมูเข้าไทยได้เหมือนกัน ดังนั้น อนาคตเกษตรกรเลี้ยงหมูของไทย ก็จะต้องใช้สารเร่งเนื้อแดงเพื่อสู้เรื่องราคากับหมูจากต่างประเทศ มันก็จะกลายเป็นความเสี่ยงกับพี่น้องประชาชนในเรื่องสุขอนามัยและเรื่องสุขภาพ”
นางนฤมล ย้ำว่า “เราจะไปลด แลก แจก แถม ให้อเมริกา ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่า เขาจะลดภาษีให้เราหรือไม่ ทุกวันนี้กระทรวงเกษตรฯ ต้องมาแก้ปัญหาในสิ่งที่รัฐบาลไหน ๆ ไปเจรจาเอาไว้ และก็เกิดผลกระทบกับพี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโคเนื้อ ที่เราไปเปิดให้ประเทศออสเตรเลียนำเข้า ตอนนี้ตลาดโคไทยขายไม่ได้ ราคาตกต่ำ ไม่มีที่จะระบาย ต้องบอกให้กระทรวงเกษตรฯ พยายามไปเปิดตลาดที่ประเทศจีน และทุกข้อตกลงการค้าที่ท่านเคยไปเจรจามาบอกได้เลยว่า ผลประโยชน์ตกเป็นของต่างชาติทั้งนั้น แต่เกษตรกรไทยตายหมด วันนี้ปัญหาเดิมยังแก้ไม่หมด ท่านจะเอาปัญหาใหม่มาให้กระทรวงเกษตรฯ แก้ไขอีก”
รมว.เกษตรฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “พ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน จำพวกนักการเมืองที่มาหาเสียงเวลาจะเลือกตั้ง แล้วพูดกับท่านว่า ประชาชนต้องมาก่อน เกษตรกรต้องมาก่อน แต่พอเข้าไปมีตำแหน่ง มีอำนาจ กลับดูแลแต่พวกพ้อง พวกนายทุน จำหน้าจำชื่อเอาไว้ แล้วอย่าไปเลือกเข้ามาอีก แต่สำหรับกระทรวงเกษตรฯ เราจะดูแลพี่น้องเกษตรกรอย่างดีที่สุด เราจะต่อสู้จนถึงที่สุด เพื่อดูแลผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกร เราจะไม่ยอมให้เกษตรกรของเราเสียเปรียบให้กับชนชาติใด หรือให้กับอุตสาหกรรมใดอีกแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ ยังคงเดินหน้าหาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีมาให้กับพี่น้องในจังหวัดชัยภูมิ และทั่วประเทศไทย ผ่านศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งวันนี้มีอยู่ประมาณ 6000 กว่าศูนย์แล้ว ในปี 2568 จะมี 7000 ศูนย์ และจะทำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วประเทศไทย ตามงบประมาณที่เขาให้มา หวังว่าศูนย์ข้าวชุมชนจะเป็นที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับพี่น้องชาวนา และกระจายเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับพี่น้องในชุมชนหรือชุมชนใกล้เคียงที่ยังไม่มีศูนย์ข้าวชุมชน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีและคณะ ได้มอบปัจจัยการผลิต อาทิ ต้นพันธุ์กล้วยหอมทอง, พันธุ์ปลา 200,000 ตัว, กุ้งก้ามกราม 40,000 ตัว, พันธุ์หม่อนผลสด พันธุ์เชียงใหม่, เมล็ดพันธุ์ถั่วลิสง และข้าวโพด 1,000 ชุด, เมล็ดพันธุ์ข้าว 270,796 กิโลกรัม รวมไปถึงได้มอบโฉนดเพื่อการเกษตร และ มอบโฉนดต้นยางพาราให้กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วย