กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

11 มี.ค. 2568 | 05:47 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มี.ค. 2568 | 06:13 น.

กรมวิชาการเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย คณะเกษตรกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ สมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย จัดเสวนา "BY2 ไม่มีในสวนทุเรียน" เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับตกค้างของสารย้อมสี Basic Yellow 2 ในทุเรียนผลสดที่ส่งออกไปยังจีน


 

 

“BY2”  เป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ในการพิมพ์หรือย้อมสีให้กับวัสดต่างๆ เช่น ผ้า กระดาษ เส้นไหมหมึก พลาสติก อะคริลิก เส้นใยพอลิเอสเทอร์ ขนสัตว์ และหนัง ต้นปี 2568 กรมวิชาการเกษตรแจ้งว่า สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs of the People's Republic of China,GACC) แจ้งพบปัญหาการใช้สารย้อมสี BY2 ซึ่งเป็นสารอันตรายที่ก่อให้เกิดมะเร็งในทุเรียนผลสดส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงออกมาตรการสุ่มตรวจทุเรียนผลสดจากไทยทุกซิปเม้นท์ที่ส่งไปสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวนอกจากกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและคุณภาพของผู้บริโภคต่อผลผลิตทุเรียนแล้ว ยังเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบประกันคุณภาพในการผลิตและส่งออกผลผลิตทางการเกษตรและอาหารส่งออกทั้งหมดของประเทศไทยด้วย

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

ต่อมากรมวิชาการเกษตรจึงได้ออกประกาศ เรื่อง มาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียมผสสดส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2568 โดยห้ามใช้หรือมีสารห้ามใช้ไว้ในครอบครองหากฝ่าฝืนจะถูกระงับการส่งออกและนำไปสู่การยกเลิกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืชด้วย

อัปเดตสถานการณ์ทุเรียนไทยปี 68

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และในฐานะนายกสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย กล่าวถึงงาน เสวนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตระหนักว่าการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสมสำหรับพืช หรือ Good Agriculture Practices (GAP) ที่ผ่านการตรวจรับรองระบบการจัดการคุณภาพตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกจนกระทั่งการเก็บเกี่ยวผลทุเรียนจะไม่ทำให้เกิดสารพิษตกค้างจากการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช และการปฏิบัติตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง มาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียนผลสด ในการนำข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข่าวอย่างถูกต้องตรงกัน แล้วพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอ ในการปรับปรุงแก้ไขพัฒนาในเรื่องการจัดการสวนทุเรียนให้มีคุณภาพมาตรฐานคลายข้อกังวลการส่งออกทุเรียน ในปี 2568

 

“ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นสมาคมอารักขาพืชไทย เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมี ก็จะมีทั้งนักวิจัยและนักวิชาการ ผู้ประกอบการ อยู่ในสมาคม เช่นเดียวกับสมาคมดินและปุ๋ยฯ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดังนั้นองค์ความรู้ต่างๆ ผู้ทรงคุณวุฒิได้มายืนยันและให้ความรู้ เกี่ยวกับ "BY2 ไม่มีในสวนทุเรียน" ให้กับชาวสวนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

 

สำหรับภาพรวมถึงสถานการณ์ทุเรียนไทยในปี 2567 ส่งออกทุเรียนไปจีน 53,688 ชิปเม้นท์  คิดเป็นมูลค่ากว่า แสนล้านบาท ปริมาณ 1 ล้านตัน เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศไทย  ซึ่งได้มีการแจ้งเตือนศัตรูพืชเพียง 289 ชิปเมนท์ คิดเป็น 0.53% ,มีการแจ้งเตือนแดคเมียม 26 ชิปเมนท์ คิดเป็น 0.048% ส่วนการแจ้งเตือน BY2 จำนวน 1 ชิปเม้นท์ คิดเป็น 0.001% (เริ่มตรวจปลายปี)  ซึ่งการฉายภาพให้เห็นว่าหากไทยยังคงทำทุเรียนคุณภาพต่อเนื่องและคลายข้อกังวลเรื่องสารตกค้างต่างๆ ทั้งหมด รวมถึงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสมสำหรับพืช หรือ Good Agriculture Practices (GAP) เชื่อมั่นว่าเรายังคงรักษาความเป็นหนึ่งทุเรียนส่งออกได้อย่างแน่นอน

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

“หลังจากจีนได้ประกาศในเรื่อง BY2  ซึ่งมองว่าการเอาสีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไปใส่ในทุเรียน จีนรับไม่ได้ ไทยเองก็รับไม่ได้ในเรื่องดังกล่าวนี้ เรารับประทานแบบไหน จีนหรือผู้บริโภคในประเทศและต่างประเทศก็ควรรับประทานแบบนั้น ดังนั้นการตรวจตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2568 มีการส่งออก 1,558 ชิปเม้นท์  ปริมาณ 20,307.45 ตัน มูลค่า 2,531.14 ล้านบาท  มีการแจ้งเตือนจากประเทศจีน  BY2 จำนวน 11 ชิปเม้นท์ คิดเป็น 0.71% ซึ่งในความเป็นจริงไม่ควรมีเลย"

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

นายรพีภัทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการส่งรายชื่อโรงคัดบรรจุ (ล้ง) และสวน ขึ้นทะเบียนไป แต่จีนยังไม่ขึ้นทะเบียนให้ ข้อดังกล่าวไม่เป็นความจริง อย่าบิดเบือน อย่าโยนความผิดให้กับพี่น้องชาวสวน ขอให้รักสามัคคีกันไม่เช่นนั้นชาวสวนจะวิตกกังวล กรมวิชาการเกษตร ในฐานะหน่วยงานที่กำกับและดูแล สวนที่จะขึ้นทะเบียนไปยังประเทศจีน ยืนยันว่าจีนได้ทยอยขึ้นทะเบียนให้กับชาวสวนทุเรียนแน่นอน แต่เนื่องจากสถิติตั้งแต่ปี 2562 มีจำนวน 8,856 สวน ผ่านมา 7 ปี มีจำนวนสวนที่ขึ้นทะเบียน 88,456 สวน ความต้องการของจีนมากขึ้น สวนทุเรียนมีเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีโดยเฉลี่ย 12,000-15,000 สวน

นอกจากนี้ประเทศจีนยังต้องขึ้นทะเบียนให้ประเทศอื่นๆ ด้วย ก็มีเจ้าหน้าที่แบบกรมวิชาการเกษตร มีไม่กี่คนที่จะต้องนำมาคีย์ข้อมูลเพราะตรวจสอบรายละเอียดสวนมีสวมสิทธิ์ไหม และอื่นๆ ที่จะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ด้วย ที่ผ่านมาทุกปี โดยเฉลี่ย 3-6 เดือน และนี่ยังไม่ถึงกำหนด 6 เดือน ก็มีการทยอยขึ้นทะเบียนสวนให้แล้วด้วย สามารถอัปเดตข้อมูลในเว็บไซต์ด้วย แต่ยอมรับว่าล้งใหม่ ที่จะขึ้นทะเบียนอาจจะยากมากกว่าการขึ้นทะเบียนสวนใหม่

 

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

นายรพีภัทร กล่าวย้ำว่า จีน ไม่ได้สั่งห้ามให้ไทยส่งออกทุเรียน แต่จีนขอผลทดสอบBY2 ซึ่งไทยไม่เคยทำเลย เพราะไม่เคยคิดเลยว่าใครจะนำสารเหล่านี้เข้าไปในอาหารหรือผักผลไม้ ก็ต้องขอบคุณห้องปฏิบัติการต่างๆ ที่สามารถทำผลทดสอบออกมาภายใน 9 วัน หลังจากจีนแจ้งเตือน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกยังไม่เสถียร และมีการตกค้าง รวมทั้งในล้งด้วย ดังนั้นทางรัฐมนตรีฯ จึงได้มีคำสั่งให้บิ๊กคลีนนิ่งทั้งระบบ ได้ผลทำให้ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ จนถึงปัจจุบัน ไม่มีการตรวจพบ BY2 ที่ด่านจีนเลย

“สถิติที่ส่งออกทุเรียนจำนวนมาก จากนี้ไป 1-2 เดือน โดยเฉลี่ยวันละ 800-900 ตู้ แต่ถ้ามีช่วงพีกประมาณ 2 พันตู้ เพิ่มให้อีก 1 เท่าตัว แต่ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการทดสอบสาร BY2 แล้วจำนวน 13 ห้อง โดยจะสามารถทดสอบตัวอย่างได้วันละมากกว่า  3,000 ตัวอย่าง ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับปริมาณทุเรียนที่จะต้องตรวจก่อนส่งออก นอกจากนี้ยังมีสถาบันการศึกษาต่างๆในพื้นที่ที่จะเข้ามาร่วมด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งออกทุเรียนในปีนี้ รวมถึง กำหนดมาตรการ 4 ไม่ เพื่อควบคุมคุณภาพทุเรียนไทย ปี 2568  ได้แก่  1.ไม่อ่อน 2.ไม่หนอน 3.ไม่สวมสิทธิ์ และ 4.ไม่มีสี ไม่มีสารเคมีต้องห้าม"

 

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

อย่างไรก็ดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการเปิดตัว AI Chatbot เป็นตัวช่วยอัจฉริยะ ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับการปลูกทุเรียนและมันสำปะหลังได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ ผ่านเครื่องมือสืบค้นงานวิจัยด้านการผลิตพืชของกรมวิชาการเกษตร ที่รวบรวมความรู้ กว่า 50 ปี เกี่ยวกับงานวิจัย เกี่ยวกับทุเรียน และมันสำปะหลัง ไว้อย่างครบถ้วน ให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ และนำไปใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้ จากสองชนิดพืชเศรษฐกิจอันดับต้นของประเทศ ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละกว่าหนึ่งแสนล้านบาทในแต่ละชนิดสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

13 มี.ค.ครอบครัวกระทรวงเกษตรฯ ลงเมืองจันท์ ลุยทุเรียนส่งออก

อย่างไรก็ดี ทางรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยฯ รวมทั้งผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเดินทางไปจันทบุรีในวันที่ 13 มีนาคม 2568 เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกมิติ เพื่อการเข้าสู่ฤดูการส่งออกทุเรียนของภาคตะวันออก ดังนั้นขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกร ผู้ประกอบการไปในรูปแบบยกครอบครัวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพบพี่น้องเกษตรกร  เพื่อให้คำแนะนำเรื่องน้ำ ดิน ปุ๋ย สารเคมี ส่งเสริมการเกษตร ภาคตะวันออก

 

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

ด้าน ดร.พงศ์ไท ไทโยธิน รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวไทม์ไลน์สถานการณ์ BY2  เริ่มตั้งแต่ สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) แจ้งทุเรียนไทย พบสารปนเปื้อน ต่อมาวันที่ 8 มกราคม 2568 GACC นัด กรมวิชาการเกษตรหารือการส่งออกทุเรียนสดต้องแนบ Test Report  ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมเป็นต้นไป ไม่มีการปนเปื้อน BY2 แล้วก็ปิดประชุมทันที  ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รวดเร็วมาก จากนั้น ทางกรมจึงได้ออกประกาศในเรื่องควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียน หากจะมีการใช้สารใดจะต้องมีการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการวัตถุอันตรายและหรือประเทศปลายทางกำหนด เป็นต้น รวมถึงห้ามครองครองสารดังกล่าวนี้ด้วย โดยให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร หากสงสัยมีความเสี่ยงก็สามารถนำทุเรียนดังกล่าวไปสุ่มตรวจได้ โดยเป็นหลักเกณฑ์ของกรมที่จะต้องมาเพื่อให้มีความชัดเจนจากนั้นวันที่จีน บังคับใช้ ในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา

“กรมเองมีความตระหนัก และพร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ มีสุ่มตรวจเก็บตัวอย่าง และยืนยันว่ามีเพียงพอที่จะรับในช่วงฤดูการส่งออกทุเรียนในปีนี้อย่างแน่นอน โดยการตรวจวิเคราะห์จะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง และ Cadmium ในเนื้อ (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 0.05mg/kg) จึงจะออกใบรับรองสุขอนามัยพืช PC เพื่อแสดงที่ด่านนำเข้าของประเทศจีน  “

 

โชว์ผลตรวจผลิตภัณฑ์ไร้สารปนเปื้อน

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

นายสมศักดิ์ สมานวงศ์ นายกสมาคมอารักขาพืชไทย กล่าวว่า ตอนที่มีช่วงกระแสข่าว BY2  ก็คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยการผลิตโดยตรง เพราะเป็น สีที่ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า ในตอนนั้นคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่พอมาได้คุยกับนักวิชาการคิดว่าจะต้องให้ความรู้กับสาธารณชนด้วย  แต่ส่วนหนึ่งในผู้ประกอบการเองก็มีความกังวล รวมถึงภาคสังคมและเกษตรกรด้วย

ทั้งนี้ กระบวนการก่อนที่จะจำหน่ายสารเคมีหรือวัตถุอันตรายให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการจะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายก่อนที่กรมวิชาเกษตร ต้องส่งข้อมูลพิษวิทยา ทุกแง่มุม  รวมถึงผลการทดลองพิษตกค้าง ตลอดจนส่วนผสมต่างๆ ให้ข้อมูลพิจารณาก่อนรับขึ้นทะเบียน แต่อย่างไรก็ดีผู้ผลิตปัจจัยการผลิตไม่ได้นิ่งนอนใจ ในแง่ของสมาคม ได้มีการแจ้งให้ทุกบริษัทส่งผลิตภัณฑ์ของตัวเองไปตรวจหรือมีเอกสารยืนยัน หรือถ้ารับช่วงมาต่อก็ขอให้มีเอกสารยืนยันจากผู้ผลิตมาแนบว่าไม่มี BY2 หรือสารแคดเมียม (หากมีอยู่ ก็ไม่เกินค่าที่กำหนด)

ดังนั้นอยากจะเชิญชวนให้ทุกบริษัทร่วมกันสร้างความมั่นใจให้เกษตรกร ให้นำผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบแสดงหลักฐานมาโชว์เพื่อให้เกษตรกรและร้านค้าที่ขายปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ มีสัญลักษณ์ Q-Shop ให้มายืนยันด้วย ว่าไม่มีสารปนเปื้อนดังกล่าว และหลีกเลี่ยงการใช้สารที่เป็นผง อาจจะมีสีอื่นตกค้าง ได้ ให้ใช้เป็นของเหลว และที่สำคัญให้เว้นระยะห่างวันที่ถูกต้องก่อนวันเก็บเกี่ยว เพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษตกค้าง และไม่เกิดคราบสีต่างๆ บนเปลือกทุเรียนด้วย

“เกษตรกรคือลูกค้า จะต้องหาวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดี เพื่อตอบโจทย์ และจะมีการรณรงค์การใช้สารที่ถูกต้องและปลอดภัยสำหรับเกษตรกรและผู้บริโภค รวมทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย บริบทเหล่านี้ผู้นำเข้าและผู้ผลิตก็จะต้องตอบสนองกับความต้องการเหล่านี้ และเพื่อความเชื่อมั่นอยากให้ผู้ผลิต ให้นำผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับทุเรียนในสวนแปลงไปตรวจว่าไม่มีสารตกค้างจริง ซึ่งค่าตรวจแพงจริง แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน"

 

แนะให้เกษตรกรใช้สารเคมีเกษตรขึ้นทะเบียน

ดร.รุจิรา ดีวัฒนวงศ์  นักวิจัยอาวุโส ผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรรมเกษตรสร้างสรรค์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีเกษตรกรบางรายที่ใช้สารเคมีไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร มีราคาถูก แม้ว่าส่วนผสมจะเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันก็อยากให้เกษตรกรใช้สารเคมีที่ถูกต้องดีกว่า และที่สำคัญฯให้ปฏิบัติตามหลัก GAP ก่อนการเก็บเกี่ยว และการขนส่งไปยังล้ง จะช่วยการลดปนเปื้อนและลดจุลินทรีย์ที่จะไปทำให้เกิดการเน่าเสียในระหว่างการขนส่งไทยไปจีนได้

กูรูรัฐ-เอกชน ผนึกกำลัง ทะลวงทางออกไทยต้องไม่มี BY2 ในทุเรียน

ลุ้นรัฐ เจรจาใหม่เป็นสุ่มตรวจสารปนเปื้อน

นายณัฐกฤษฎ์ โอฬารหิรัญรักษ์ อุปนายกสมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีน  กล่าวว่า การตื่นตัวของเกษตรกร  ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ช่วยล้งได้เยอะเลย เรียกว่าเป็นการยกระดับสวน ให้ไปตรวจ แม้กระทั่งดินที่ปลูกทุเรียนก็นำไปตรวจ ซึ่งทางล้งไม่ได้บังคับเกษตรกร  แต่เป็นการช่วยเฝ้าระวัง ในการใช้สารเคมี ส่วนการเตรียมตัวของล้ง ตามที่ได้ดำเนินการนโยบายตามกรม บิ๊กคลีนนิ่ง 100% รวมถึงคราบสีต่างๆ ขออย่าให้เห็นว่ามีสีดีกว่า ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงที่ละเอียดอ่อนทั้งสวนและล้ง  ดังนั้นกระบวนการต่างๆ ทั้งล้งและสวน ต้องร่วมมือเพื่อสู่เป้าหมาย  จากจีนตรวจ 100% ลดเป็นการสุ่มตรวจ ที่หวังในอนาคตหากรัฐบาลไทยสามารถช่วยเจรจาได้ นี่คือทางรอดของทุเรียนไทยอย่างแท้จริง

“ทำไมมีล้งขอขึ้นทะเบียนใหม่จำนวนมาก นั่นเป็นเพราะความต้องการของทุเรียนจีนยังมีความต้องการสูง แต่ด้วยมีปัญหาบางอย่างทำให้ทางการจีนยังไม่อัปเดทการขอขึ้นทะเบียนให้รายใหม่ขึ้นมา ซึ่งมองว่าหากมีจำนวนล้งเยอะก็จะส่งผลดีต่อชาวสวนเนื่องจากจะทำให้มีการแย่งซื้อ ราคาก็จะแพงด้วย ซึ่งในฐานะที่เป็นชาวสวนด้วย ขอยืนยันว่าไม่มีการกดราคาแน่นอน ราคายิ่งถูก ยิ่งขายยาก แต่ถ้ากำไรแพงมากเท่าไร พ่อค้าจะยิ่งกำไรมาก โดยเฉพาะราคาทุเรียนกิโลกรัม 200-300 บาท กำไรตู้ละเป็นล้านบาท แต่ถ้าทุเรียนราคา 70-80 บาทต่อกิโลกรัม ราคาไปขายขาดทุนอีก ดังนั้นนับจากนี้ไปทั้งชาวสวนและล้งต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง"