เวียดนาม เตรียมทุ่ม 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุยก่อสร้างรถไฟเชื่อมจีน

18 ม.ค. 2568 | 01:38 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ม.ค. 2568 | 02:04 น.

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย เวียดนามเตรียมทุ่ม 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เดินหน้าก่อสร้างเส้นทางรถไฟ เส้นทาง หล่าวกาย-กรุงฮานอย-ไฮฟอง เชื่อมต่อกับจีน เริ่มโครงการปี 68 นี้ แนะผู้ประกอบการไทยศึกษา เตรียมพร้อมใช้ประโยชน์ส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดเวียดนามและจีน

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

เวียดนาม เตรียมทุ่ม 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุยก่อสร้างรถไฟเชื่อมจีน

ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.ธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เวียดนาม ถึงความคืบหน้าการเร่งโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับจีน เส้นทางหล่าวกาย-กรุงฮานอย-ไฮฟอง (Lao Cai–HaNoi-Hai Phong) ภายในปี 2568 และโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะใช้ประโยชน์จากเส้นทางการขนส่งในการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดจีน

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า นายตรัน ฮ่ง มินห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เวียดนาม ได้สั่งให้คณะกรรมการโครงการรถไฟ (Board of Railway Project Management), สำนักงานการรถไฟแห่งชาติเวียดนาม (Vietnam Railway Authority : VNRA) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำรายงานการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของเส้นทางรถไฟหล่าวกาย-กรุงฮานอย-ไฮฟอง โดยกระทรวงคมนาคมจะนำเสนอรัฐบาลพิจารณาอนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟดังกล่าว และนำเสนอต่อต่อสภาแห่งชาติเวียดนามก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2568 เพื่ออนุมัติและเริ่มดำเนินโครงการในช่วงเดือน พฤษภาคม 2568

เวียดนาม เตรียมทุ่ม 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุยก่อสร้างรถไฟเชื่อมจีน

ขณะเดียวกัน คาดว่าจะดำเนินการใน 2 ระยะ ระยะแรกจะสร้างเส้นทางรถไฟหลักและโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดให้แล้วเสร็จก่อนปี 2573 ส่วนระยะที่สองจะก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ไฮฟอง-กว้างนิญ (Hai Phong - Quang Ninh) ตามแผนการออกแบบหลังปี 2573 ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดทำงบการลงทุนให้ชัดเจน เพื่อให้ทางกระทรวงสามารถเจรจากับพันธมิตรและเร่งการดำเนินโครงการได้อย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 11,600 ล้านดอลลาร์ ใช้เวลาในการเตรียมการประมาณ 3-4 ปี ซึ่งรวมถึง 7 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

  • การจัดทำและอนุมัติข้อเสนอของโครงการ
  • การตรวจสอบและอนุมัติหลักการลงทุน
  • การเสนอรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ให้รัฐบาลพิจารณาอนุมัติ
  • การเจรจาและลงนามในข้อตกลงการกู้ยืม
  • การอนุมัติการออกแบบทางเทคนิค
  • การจัดการประมูลราคา การเจรจาและลงนามในสัญญาก่อสร้าง
  • การเวนคืนที่ดินโครงการรถไฟ หล่าวกาย-กรุงฮานอย-ไฮฟอง จะมีมาตรฐานขนาดของรางเท่ากับ 1,435 มม. ซึ่งกว้างกว่ามาตรฐานแบบเดิม

ทั้งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานดีเชลเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งรองรับทั้งการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า และจะเชื่อมต่อกับท่าเรือในเมืองไฮฟอง และระบบขนส่งข้ามแดนไปยังประเทศจีน โดยรถไฟจะวิ่งผ่าน 10 จังหวัดเศรษฐกิจใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือของเวียดนาม

โดยเริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟจีนในจังหวัดหล่าวกายและสิ้นสุดที่ทำเรือแหล็กเฮวี่ยน (Lach Huyen) ในเมืองไฮฟอง (Hai Phong) มีระยะทางประมาณ 460 กิโลเมตร (โดยเส้นทางหลักยาวประมาณ 396 กิโลเมตร และมีทางแยกเชื่อมต่อกับท่าเรือนามโดเชิน (Nam Do Son) และท่าเรือดิ่ญหวู (Dinh Vu) ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร) 10 จังหวัดที่เส้นทางนี้จะผ่าน ได้แก่

  • หล่าวกาย (Lao Ca]
  • เอียนบ๊าย (Yen Bai)
  • ฟู้เถาะ (Phu Tho)
  • หวิญฟุก (Vinh Phuc)
  • กรุงฮานอย (Ha Noi)
  • บักนิญ (Bac Ninh)
  • ฮึงเอียน (Hung Yen)
  • หายเชื่อง (Hai Dung)
  • เมืองไฮฟอง (Hai Phong)

โดยมีแผนขยายเส้นทางต่อไปยังเมืองหะล็อง (Ha Long) ของจังหวัดกว่างนิญ (Quang Ninh)

เวียดนาม เตรียมทุ่ม 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุยก่อสร้างรถไฟเชื่อมจีน

“ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟของเวียดนามในช่วง 11 เดือนของปี 2567 อยู่ที่ 4,598 พันตัน เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 และมีสัดส่วน 0.2% ของการขนส่งทุกรูปแบบในระบบคมนาคม ดังนั้นการที่ภาคเหนือของเวียดนามเร่งดำเนินการสร้างเส้นทางรถไฟหล่าวกาย-กรุงฮานอย-ไฮฟอง-กว่างนิญ พร้อมกับการปรับปรุงมาตรฐานขนาดของรางรถไฟให้เหมาะสมกับรางรถไฟของจีน เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ในการขยายเครือข่ายเส้นทางคมนาคมและมุ่งเน้นการเชื่อมต่อกับจีนให้สะดวกและรวดเร็ว

เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เพิ่มปริมาณสินค้าที่ขนส่งและส่งเสริมมูลค่าการค้าส่งออกและนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารทะเล แร่ธาตุ รวมถึง สินค้าแปรรูปต่าง ๆ เช่น ไม้ยางพารา เป็นต้น โดยสินค้าส่งออกจากไทยที่เข้าสู่ตลาดเวียดนาม สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างเส้นทางรถไฟนี้เพื่อประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าให้ทั่วถึง และเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าในอนาคตต่อไป”น.ส.สุนันทา กล่าว