“ประชัย” เชียร์บาทอ่อนค่า 38-40 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลดีเศรษฐกิจไทยแทบทุกด้าน

17 ม.ค. 2568 | 09:26 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ม.ค. 2568 | 09:44 น.

“ประชัย” เชียร์ “บาทอ่อน” 38-40 บาทต่อดอลลาร์ ชี้ผลดีกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้แทบทุกด้านมากกว่า “บาทแข็ง” ทั้งเพิ่มขีดแข่งขันส่งออก ฟื้นฟูภาคอุตฯ ลดหนี้ครัวเรือน-NPL เพิ่มเงินสำรองระหว่างประเทศ ระบุ ธปท.ต้องกล้าเปลี่ยนเหมือนเกาหลี ปล่อยวอนอ่อน ดันผงาดประเทศชั้นนำโลก

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) แสดงวิสัยทัศน์ เรื่อง “ค่าเงินบาท” อย่างต่อเนื่อง สรุปสาระสำคัญครั้งล่าสุด ได้ชี้ให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย การดำเนินธุรกิจ การจ้างงาน การจับจ่ายใช้สอย การค้าการลงทุน ระบบธนาคาร ภาวะหนี้สิน GDP และการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

นายประชัย ย้ำว่า ธปท. ควรปรับนโยบาย “เดินสายกลาง” รักษาค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 38-40 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็น “จุดสมดุล” ที่เหมาะสม ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยจากภาวะวิกฤตที่กำลังเผชิญ

  • บาทแข็ง : ต้นตอปัญหาเศรษฐกิจไทย?

นายประชัย มองว่า การที่ ธปท. ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไปในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ

ภาคการส่งออก : สินค้าไทยมีราคาแพงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกลดลง ขาดรายได้จากต่างประเทศ

ภาคอุตสาหกรรม : โรงงานผลิตสินค้าภายในประเทศสู้กับสินค้านำเข้าไม่ได้ เพราะต้นทุนการผลิตสูงกว่า ต้องทยอยปิดตัวลง

ภาคแรงงาน : เกิดภาวะคนตกงานจำนวนมากจากการปิดตัวของโรงงาน ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศลดลง

ภาคการเงิน : ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้น สถาบันการเงินเผชิญกับปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น อาจนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ได้

นายประชัย ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป มาจากการที่ ธปท. ยึดติดกับ Dollar Index ซึ่งอ้างอิงค่าเงินบาทกับ 6 ประเทศหลักในเครือข่ายอเมริกา ได้แก่ ยุโรป อังกฤษ สวีเดน แคนาดา ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ โดยไม่ได้คำนึงถึงประเทศคู่แข่งทางการค้าที่แท้จริงของไทย เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ ซึ่งประเทศเหล่านี้ต่างลดค่าเงินของตนเองเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ส่งผลให้สินค้าไทยมีต้นทุนสูงกว่ามาก

  • 38-40 บาท/ดอลลาร์ : จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย?

นายประชัย เชื่อว่า การรักษาค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 38-40 บาท/ดอลลาร์ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย เพราะจะส่งผลดีหลายด้าน เช่น

กระตุ้นภาคการส่งออก : สินค้าไทยมีราคาถูกลง สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เพิ่มรายได้จากต่างประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย

ฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม : โรงงานสามารถเดินเครื่องผลิตได้อย่างเต็มกำลัง ลดการปิดตัวของโรงงานลง

สร้างงาน สร้างรายได้ : เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น เพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ•

แก้ไขปัญหาหนี้สิน : ลดภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจ แก้ปัญหา NPL ในระบบธนาคาร

สร้างความมั่นคงทางการเงิน : เพิ่มเงินสำรองระหว่างประเทศ สร้างเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจไทย

นายประชัย ยังชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าการอ่อนค่าของเงินบาทอาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่จะเป็น “เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP growth)” ซึ่งถือเป็นภาวะปกติของประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัว

  • ธปท. ต้องกล้า “ฉีกกรอบ” เดินตามรอย “เกาหลีใต้”

นายประชัย ยกตัวอย่างความสำเร็จของเกาหลีใต้ ที่ ธนาคารกลางกล้าดำเนินนโยบาย “ฉีกกรอบ” ปล่อยให้เงินวอนอ่อนค่าลง 16.67% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกาหลีใต้ก้าวขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก

นายประชัย วิพากษ์วิจารณ์ ธปท. ว่ายอมตกเป็น “เบี้ยล่าง” องค์กรต่างชาติ โดยเฉพาะ World Bank และ IMF ที่มุ่งผลประโยชน์ของประเทศมหาอำนาจ บีบให้ประเทศไทยตกอยู่ในวงจร “เงินบาทแข็งค่า” เพื่อทำลายความสามารถในการแข่งขัน และ เปิดทางให้ประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามเติบโต

  • บาทอ่อน : ประชาชนได้ประโยชน์จริงหรือ?

นายประชัย ยืนยันว่า การรักษาค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 38-40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ แต่ยังส่งผลดีต่อประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

เกษตรกร : ราคาพืชผลทางการเกษตรเพิ่มขึ้น 10-20%

แรงงาน : มีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น

ผู้บริโภค : มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ลดภาระหนี้สิน

นายประชัย ยอมรับว่า ราคาสินค้าบางรายการอาจแพงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันที่สูงขึ้น แต่เมื่อเศรษฐกิจเติบโต ประชาชนมีงานทำ มีรายได้มากขึ้น ก็สามารถปรับตัวรับมือกับภาวะเงินเฟ้อได้

  • “กองทุนพัฒนาประเทศ” : กุญแจสู่ความเจริญรุ่งเรือง

นายประชัย เสนอให้ ธปท. จัดตั้ง “กองทุนพัฒนาประเทศ” โดย นำเงินสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินบาท มาปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับรัฐบาล เพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา, สาธารณสุข,โครงสร้างพื้นฐาน,การวิจัยและพัฒนา

นายประชัย เชื่อว่า กองทุนพัฒนาประเทศ จะเป็น “กุญแจสำคัญ” ที่ช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

  • บทสรุป : ธปท. ต้อง “กล้า” เปลี่ยน

นายประชัย ฝากทิ้งท้ายถึง ธปท. ว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้อง “กล้า” เปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เลิกยึดติดกับกรอบ Dollar Index ที่เป็น “อุปสรรค” ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย หันมา ดำเนินนโยบาย “เดินสายกลาง” รักษาค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 38-40 บาท/ดอลลาร์ เพื่อ นำพาประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน