รุมคัดค้านมติคจร.ยึดอุโมงค์เกษตร-ถนนงามวงศ์วาน ทำ'ทางด่วน' รถติดสาหัส

07 ธ.ค. 2568 | 06:49 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2568 | 08:55 น.

พรรคไทยก้าวใหม่ คัดค้านมติคจร.อนุมัติให้ใช้ ถนนงามวงศ์วาน ตั้งแต่แยกม.เกษตร-สะพานพงษ์เพชร เปลี่ยนเป็น 'ทางด่วน' จะทำให้ รถติดสาหัส ดร.เอ้แจงยิบไม่สมควร ด้านม.เกษตรแสดงจุดยืนถ้าจะสร้างทางด่วนต้องมุดดินเท่านั้น ขอให้เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำตาล (แคราย-มีนบุรี) แทน

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ไม่กล้าคิด กทม. จะรถติด "วินาศสันตะโร" ชาวบ้านเดือดร้อนสุดๆ เมื่อ "คมนาคม" จะยึดอุโมงค์เกษตร-ถนนงามวงศ์วาน  "ทำทางด่วน"

เราทุกคนตกใจมาก เมื่อทราบข่าว "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม" ประธานที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติอนุมัติให้ใช้ "ถนนงามวงศ์วาน ตั้งแต่แยกม.เกษตร-สะพานพงษ์เพชร" เปลี่ยนเป็น "ทางด่วน"

"พรรคไทยก้าวใหม่" ขอคัดค้าน หากรัฐจะยึด "ถนนสาธารณะ" ซึ่งเป็นที่สัญจรของประชาชน มาทำทางด่วน เพราะจะสร้างปัญหามากมาย ไม่รู้ท่านรัฐมนตรี ได้ดูเอกสารการประชุมละเอียดหรือไม่ หรือเคยผ่านมาดู "สภาพปัญหา" หรือไม่ ถึงได้อนุมัติโครงการ ที่ชาวบ้านจะเดือดร้อนแสนสาหัสแบบนี้

จร.ยึดอุโมงค์เกษตร-ถนนงามวงศ์วาน ทำ'ทางด่วน'

เหตุผลตามหลัก วิศวกรรม ที่ไม่ควรยึดถนนงามวงศ์วาน มาเป็นทางด่วน 

1. "ถนนหายไปครึ่งหนึ่ง รถติดหลายเท่า"

"ถนนงามวงศ์วาน" ตั้งแต่แยกเกษตร จนถึง สะพานพงษ์เพชร "รถติดหนัก" ทุกวันอยู่แล้ว เพราะเป็นถนนหลักที่ประชาชนใช้สัญจร ไปสถานที่สำคัญทั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตลาด โรงพยาบาล สถานที่ราชการสำคัญหลายแห่ง หมู่บ้าน และชุมชนมากมาย

ดังนั้น การยึด "ถนนงามวงศ์วาน" ไป 4 ช่องทางจราจร เพื่อใช้เป็น "ทางด่วน" ทำให้เหลือถนนใช้งานเพียงฝั่งละ 2 ช่องทางแคบๆ จะทำให้ "รถติดสาหัส" ไม่ใช่แค่ ตลอดเส้นถนนงามวงศ์วาน ติดยาวถึงนนทบุรี แต่จะติดสะสมบนถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนพหลโยธิน 

ไม่กล้าจินตนาการว่า ชาวบ้านจะเดือดร้อน สาหัสหนักมากแค่ไหน จากการที่เหลือพื้นที่จราจรเพียงแค่ "ครึ่งเดียว" รถจะติดหลายเท่า จนรถแทบขยับไม่ได้

2. "เสี่ยงอุบัติเหตุ ถึงชีวิต"
"อุโมงค์ลอดแยกเกษตร" ที่ประชาชนใช้สัญจร จะถูกยึดมาเป็น "ทางด่วน" ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางลอดปกติ รถวิ่งไม่เร็ว แต่หากมาใช้เป็นทางด่วน รถจะวิ่งเร็วมาก เสี่ยงอุบัติเหตุ ถึงชีวิต

ทั้งช่องทางจราจรจะถูกเบียดจาก 6 ช่องทางเหลือเพียง 4 ช่องทาง ยิ่งเสี่ยงอุบัติเหตุมากชึ้นเช่นกัน

ดังนั้นตามหลัก "วิศวกรรมจราจร" และ "วิศวกรรมความปลอดภัย" จึงถือว่าการยึดทางลอดแยกเกษตร และถนนงามวงศ์วาน ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

รุมคัดค้านมติคจร.ยึดอุโมงค์เกษตร-ถนนงามวงศ์วาน ทำ'ทางด่วน' รถติดสาหัส

3. "มีทางเลือกอื่น ที่ดีกว่า"
หากท่านเห็น "เสาตอม่อ" นับร้อยต้น กลางถนนเกษตร-นวมินทร์ นั่นคือ "เสาทางด่วนขั้นที่ 3" มาจากวงแหวนรอบนอก เชื่อมตะวันออก-ตะวันตก 

เสาตอม่อ ทำค้างไว้นับสิบปี ไม่ทำอะไรต่อ โดยครั้งแรกมีความตั้งใจสร้าง "สะพานยกระดับ" แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยเฉพาะช่วงสี่แยกเกษตร ถนนงามวงศ์วาน

เพราะมันจะเป็น "สะพานยักษ์" ที่ใหญ่โตมาก และสูงมาก ต้องสร้างข้ามรถไฟฟ้าสายสีเขียว ข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ ข้ามรถไฟฟ้าสายสีแดง และต้องสร้างตอม้อยักษ์ กลางถนนงามวงศ์วานอีก ทำให้เสียช่องทางจราจร รถติดหนัก

ดังนั้น การทางพิเศษจึงมีแนวคิด เปลี่ยนเป็น "อุโมงค์ทางด่วนใต้ดิน" ไม่ต้องมีปัญหากับชาวบ้าน และไม่ต้องเสียช่องทางจราจร ทั้งดูแลเรื่องความปลอดภัยได้ตามมาตรฐานวิศวกรรมจราจร

เราเชื่อว่า "การก่อสร้างอุโมงค์ทางด่วน" เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์นี้ ไม่รู้เหตุผลว่า ทำไมถึงไม่คงการก่อสร้างอุโมงค์ไว้ดังแผน แทนที่จะเปลี่ยนมายึดถนนงามวงศ์วานเป็นทางด่วน แบบไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม

"พรรคไทยก้าวใหม่" ขออาสาเป็นตัวแทนประชาชนคนกรุงเทพ "คัดค้าน" การยึดถนนงามวงศ์วาน ใช่เป็นทางด่วน และจะติดตามโครงการนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ประชาชนเสียประโยชน์

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)  สถาบันการศึกษาหลักในแนวเส้นทาง  และเครือข่ายชุมชน ม. เกษตรศาสตร์  แสดงพลังคัดค้านผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข่าวชุมชนม. เกษตรศาสตร์อย่างต่อเนื่อง  ด้วยจุดยืนถ้าจะสร้างทางด่วนต้องมุดดินเท่านั้น และขอให้เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำตาล(แคราย-มีนบุรี) แทน

ต่อเนื่องนี้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมแสดงความคิดเห็นหลากหลาย  มีทั้งสนับสนุน ม.เกษตรฯ ที่เป็นกังวลผลกระทบด้านการจราจร  จากการเพิ่มปริมาณรถ  และปัญหามลพิษ  

โดยขอให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลช่วงแคราย-มีนบุรีแทนการสร้างทางด่วนเพิ่มปริมาณรถส่วนตัว

แต่ก็มีประชาชนบางส่วนก็ต่อว่า มก.เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ เพราะคัดค้านการก่อสร้างทางด่วนยกระดับบนถนนงามวงศ์วานมากว่า 30 ปี   ต้องปรับแบบหลายรอบ  ทั้งสร้างอุโมงค์ใต้ถนนงามวงศ์วานแต่ค่าก่อสร้างแพงกว่า 5 หมื่นล้าน จนล้มโครงการ

ด้านนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) กล่าวว่ากพท. เตรียมศึกษาความเหมาะสมแนวเส้นทางและออกแบบใหม่ตามมติที่ประชุมคจร. คาดว่าจะเริ่มศึกษาความเหมาะสมฯ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ช่วงต้นปี 2569 ใช้เวลาประมาณ 18 เดือน แล้วเสร็จประมาณเดือน มิ.ย.2570  เพื่อสรุปผลนำเสนอคจร.และคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป