น้ำท่วมภาคใต้ 'พิพัฒน์' สั่ง 7 สายการบิน แก้ปัญหาตั๋วหาดใหญ่แพง

02 ธ.ค. 2568 | 09:18 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2568 | 09:22 น.

'พิพัฒน์' สั่งถก 7 สายการบินในประเทศ สางปัญหาตั๋วโดยสารแพง เหตุน้ำท่วมภาคใต้ ดันราคาพุ่งหนัก เร่งหาทางออกเพิ่มเที่ยวบิน

KEY

POINTS

  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม สั่งการ 7 สายการบินในประเทศให้ร่วมมือแก้ไขปัญหาราคาตั๋วเครื่องบินเส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ที่มีราคาสูงขึ้นในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้
  • สมาคมสายการบินฯ ชี้แจงว่าราคาตั๋วโดยสารที่จำหน่ายยังไม่เกินเพดานสูงสุดที่คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) กำหนดไว้
  • แนวทางแก้ไขคือให้แต่ละสายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและที่นั่งในเส้นทางสู่พื้นที่ประสบภัย เพื่อให้ราคาตั๋วปรับลดลงตามกลไกตลาดเมื่อมีจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้น

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีประเด็นราคาตั๋วโดยสารในเส้นทางบินโดยเฉพาะ กทม.-หาดใหญ่ มีราคาสูงมากนั้น

"ตนไม่นิ่งนอนใจ เบื้องต้นได้ประสานงานกับ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ในฐานะนายกสมาคมสายการบินในประเทศจำนวน 7 สายการบิน เพื่อหาทางออกให้ราคาตั๋วโดยสารให้ประชาชนที่จะเดินทางเส้นทางหาดใหญ่ราคาลดลงจากที่เป็นอยู่ เนื่องจากจังหวัดสงขลาประสบเหตุภัยพิบัติทั้งเมือง" นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการหารือร่วมกันทางสมาคมสายการบินในประเทศยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล แต่ข้อจำกัดของการกำหนดราคาค่าโดยสารในแต่ละเส้นทางบินนั้น

"เราต้องยอมรับว่า แต่ละสายการบินยังไม่ได้มีการขายตั๋วโดยสารเกินกว่าที่ทางคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กบร.) กำหนดเพดานราคาขั้นสูง" นายพิพัฒน์ กล่าว

สำหรับทางออกทางสายนการบินจะเพิ่มเที่ยวบินให้มีเที่ยวบินที่จะลงไปจังหวัดในพื้นที่ประสบภัยพิบัติให้มากขึ้น ซึ่งเมื่อเที่ยวบิน และจำนวนที่นั่งมากขึ้น ราคาตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางบินในประเทศก็จะปรับลดลงทันทีตามความต้องการ และที่นั่งที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ราคาค่าโดยสารยังไม่ได้เกิดเพดานขั้นสูงสุดที่ กบร.กำหนด ดังนั้นทางออกจึงขอให้แต่ละสายการบินเพิ่มเที่ยวบิน เพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งมากขึ้น

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้มีประชาชนลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือจำนวนมาก ซึ่งการเพิ่มเที่ยวบินจะช่วยทำให้ราคาค่าโยสารลดลงทันที

อย่างไรก็ดีในเรื่องนี้ได้รายงานและทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว