KEY
POINTS
การผลักดัน “โครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1)” ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จะช่วยระบายรถบรรทุกขนส่งสินค้าเข้า-ออกท่าเรือกรุงเทพฯ ได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณถนนอาจณรงค์และถนนโครงข่ายโดยรอบ
แหล่งข่าวจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) ระยะทาง 2.25 กม. วงเงิน 4,984 ล้านบาท นั้น
ที่ผ่านมาได้ดำเนินการดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เสร็จแล้ว
ขณะเดียวกันในปัจจุบันกทท. อยู่ระหว่างเร่งเจรจาสัดส่วนรูปแบบการลงทุนร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 4 เดือนนี้
อย่างไรก็ดีโครงการนี้เป็นการลงทุนร่วมกัน ปัจจุบันยังไม่ได้เจาะจงว่าสัดส่วนการลงทุน จะเป็นกทท.ทั้ง 45-55% หรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นการขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ เนื่องจากรูปแบบการลงทุนที่กทพ.เสนอมายังกทท.เป็นกทพ.เป็นผู้จัดเก็บรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมด
"เพราะฉะนั้นทำให้กทท.ไม่มีจุดคุ้มทุน เบื้องต้นต้องพิจารณาในเรื่องนี้ว่ามีแนวทางที่สามารถดำเนินการได้บ้าง เช่น การขอเงินสนับสนุนจาก ครม. โดยตรง ,การปรับสัดส่วนลดรายได้นำส่งรัฐ หรือการออกพันธบัตรรัฐบาล ฯลฯ” แหล่งข่าวจากกทท.กล่าว
ทั้งนี้ตามแผนหากการเจรจาร่วมกับกทพ.ลงตัว จากนั้น กทพ. จะเป็นผู้ดำเนินการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงบประมาณ ภายในช่วงต้นปี 2569
ก่อนเข้าสู่กระบวนการเจรจากับชุมชนคลองเตย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของโครงการ และดำเนินการหาผู้รับจ้างเพื่อก่อสร้างภายในปี 2570
ขณะที่การก่อสร้างทางด่วนสายบางนา-อาจณรงค์ เบื้องต้นคาดว่ากทพ.จะเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากกทท.อาจไม่มีความความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เท่ากับกทพ. โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2572
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า โครงการนี้มีการชะลอไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากต้องรอการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พิจารณาแผนท่าเรือคลองเตยให้มีความชัดเจนก่อน เพราะโครงการทางด่วนสายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนดังกล่าว
จากนั้นจะมีการหารือถึงสัดส่วนการลงทุนค่าก่อสร้างร่วมกันต่อไป ตามแผนจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2570-2572
ส่วนการจัดเก็บค่าผ่านทาง จากการศึกษาโครงการฯที่ผ่านมาพบว่า จะจัดเก็บอัตราเดียวกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร รถ 4 ล้อ 50 บาทต่อคัน
รถ 6-10 ล้อ 75 บาทต่อคัน และรถมากกว่า 10 ล้อ 110 บาทต่อคัน คาดว่าจะมีปริมาณการจราจร 14,000 คันต่อวัน
สำหรับโครงการเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพ และทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ วงเงินลงทุนรวม 4,445 ล้านบาท มีพื้นที่โครงการอยู่บนถนนอาจณรงค์ในพื้นที่ของ กทท. และเชื่อมต่อกับทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) มีจุดเริ่มต้นอยู่บริเวณเทอร์มินัล 3 ของท่าเรือกรุงเทพ
นอกจากนี้แนวสายทางจะเป็นทางยกระดับ 4 ช่องจราจร (ทิศทางละ 2 ช่องจราจร) ไปตามแนวถนนอาจณรงค์ ข้ามคลองพระโขนงและถนนเลียบทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ
จากนั้นแนวสายทางจะแยกเป็นขาทางเชื่อม (Ramp) เข้าเชื่อมกับ S1 ในทิศทางไปทางพิเศษบูรพาวิถี และทิศทางไปทางพิเศษฉลองรัช
อย่างไรก็ดีโครงการยังมีด่านเก็บค่าผ่านทาง มี 4 จุด แบ่งเป็น 1.ด่านขาขึ้น บริเวณหน้าอาคารสำนักงาน ปตท.พระโขนง มีช่องเก็บค่าผ่านทาง 3 ช่อง
2.ด่านขาขึ้น บริเวณประตูทางออกเทอร์มินัล 1 และ 2 มีช่องเก็บค่าผ่านทาง 1 ช่อง 3.ด่านขาลง บริเวณทางแยกต่างระดับอาจณรงค์ มีช่องเก็บค่าผ่านทาง 3 ช่อง
และ 4.ด่านขาลง หรือด่านอาจณรงค์ 1 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มี 8 ช่อง โดยจะมีทางเชื่อมต่อเข้าท่าเรือกรุงเทพเป็น Ramp 1 ช่อง
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,150 วันที่ 20 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568