KEY
POINTS
ปัจจุบัน “ท่าเรือกรุงเทพ” หรือ “ท่าเรือคลองเตย” ถือเป็นท่าเรือที่สำคัญสามารถสร้างรายได้การขนส่งสินค้าทางน้ำให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ไม่น้อย แต่ขณะนี้พบว่าสภาพการจราจรพื้นที่บริเวณทางเข้า-ออก กลับพบว่าการจราจรติดขัดหนาแน่น ทำให้กทท.มีความจำเป็นเร่งด่วนในการผลักดัน “ทางด่วนบางนา-อาจณรงค์” ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพ และทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) ระยะทาง 2.25 กิโลเมตร (กม.) ที่ผ่านมาโครงการได้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้ว
ทั้งนี้ต้องรอผลการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตยด้วย โดยกทท.จะบรรจุโครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) เข้าไปอยู่ในแผนดังกล่าวด้วย เนื่องจากโครงการฯนี้เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อเข้าพื้นที่ในท่าเรือคลองเตย ซึ่งจะต้องดูผลการศึกษาว่าพื้นที่ของโครงการฯอยู่ในบริเวณตำแหน่งใดของแผน ทำให้กทท.จำเป็นต้องเสนอเป็นแพ็คเก็จไปพร้อมกันเพื่อขออนุมัติจากกระทรวงคมนาคมภายในปีนี้ ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป
“หากมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ของคลังสินค้าจะส่งผลกระทบต่อรายงานอีไอเอของโครงการฯนี้ที่ได้รับการอนุมัติจากกก.วล. หรือไม่นั้น มองว่าอาจจะยุ่งได้ โดยกทท.จะไม่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดของคลังสินค้าเพื่อไม่ให้โครงการล่าช้าไปกว่านี้ แต่อาจจะมีการปรับแก้ไขแบบรายละเอียดส่วนอื่นได้” นายเกรียงไกร กล่าว
ส่วนการเจราจรกับกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อหาข้อสรุปถึงสัดส่วนการลงทุนของโครงการฯ นั้น ปัจจุบันกทท.อยู่ระหว่างรอความชัดเจนตัวเลขการลงทุนระหว่าง 2 หน่วยงาน โดยการเจรจาในครั้งนี้ กทพ.จะดูรายได้ขององค์กรด้วยเมื่อก่อสร้างทางด่วนสายนี้จะมีรายได้เท่าไร ส่วนกทท.มองว่าเมื่อมีโครงการนี้จะช่วยให้การจราจรในท่าเรือคลองเตยดีขึ้น
“ทั้ง 2 หน่วยงานอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงคมนาคม ซึ่งการเจรจาถึงสัดส่วนการลงทุนของทางด่วนสายนี้มองว่าไม่ได้เป็นเรื่องยาก สามารถหารือในภาคนโยบายได้ โดย กทพ.จะเป็นผู้ลงทุนในการก่อสร้าง แต่เรื่องที่ยากคือ การออกแบบรายละเอียดและลงทุนจะใช้พื้นที่บริเวณใดคงต้องหารือกัน คาดว่าการหารือจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้” นายเกรียงไกร กล่าว
ขณะเดียวกันโครงการฯนี้จะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่อีกรอบก่อนดำเนินการก่อสร้างทางด่วนสายนี้ ที่ผ่านมากทท.ได้มีการชี้แจงถึงโครงการนี้เป็นระยะๆ แล้ว เนื่องจากมีชุมชนในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบราว 101 ครอบครัว หากมีการก่อสร้างโครงการฯผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องย้ายออกจากที่อยู่อาศัยเดิม เบื้องต้นกทท.ได้กันพื้นที่บริเวณอาคารแฟลตของกทท.เพื่อรองรับประชาชนอยู่อาศัยชั่วคราว โดยกทท.มีเป้าหมายให้ประชาชนในพื้นที่ย้ายไปอยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย (Smart Community) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
ด้านการจัดเก็บค่าผ่านทาง จากการศึกษาโครงการฯที่ผ่านมาพบว่า จะจัดเก็บอัตราเดียวกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร รถ 4 ล้อ 50 บาทต่อคัน รถ 6-10 ล้อ 75 บาทต่อคัน และรถมากกว่า 10 ล้อ 110 บาทต่อคัน คาดว่าจะมีปริมาณการจราจร 14,000 คันต่อวัน
สำหรับโครงการเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพ และทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ วงเงินลงทุนรวม 4,445 ล้านบาท มีพื้นที่โครงการอยู่บนถนนอาจณรงค์ในพื้นที่ของ กทท. และเชื่อมต่อกับทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) มีจุดเริ่มต้นอยู่บริเวณเทอร์มินัล 3 ของท่าเรือกรุงเทพ แนวสายทางจะเป็นทางยกระดับ 4 ช่องจราจร (ทิศทางละ 2 ช่องจราจร) ไปตามแนวถนนอาจณรงค์ ข้ามคลองพระโขนงและถนนเลียบทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ จากนั้นแนวสายทางจะแยกเป็นขาทางเชื่อม (Ramp) เข้าเชื่อมกับ S1 ในทิศทางไปทางพิเศษบูรพาวิถี และทิศทางไปทางพิเศษฉลองรัช
อย่างไรก็ดีโครงการยังมีด่านเก็บค่าผ่านทาง มี 4 จุด แบ่งเป็น 1.ด่านขาขึ้น บริเวณหน้าอาคารสำนักงาน ปตท.พระโขนง มีช่องเก็บค่าผ่านทาง 3 ช่อง, 2.ด่านขาขึ้น บริเวณประตูทางออกเทอร์มินัล 1 และ 2 มีช่องเก็บค่าผ่านทาง 1 ช่อง, 3.ด่านขาลง บริเวณทางแยกต่างระดับอาจณรงค์ มีช่องเก็บค่าผ่านทาง 3 ช่อง และ 4.ด่านขาลง หรือด่านอาจณรงค์ 1 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มี 8 ช่อง โดยจะมีทางเชื่อมต่อเข้าท่าเรือกรุงเทพเป็น Ramp 1 ช่อง
เมกะ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,098 วันที่ 22 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 256