ลุ้นประชาพิจารณ์รอบ 3 ‘ขสมก.’รื้อTORเช่ารถเมล์อีวี 1.5 พันคัน พ.ย.นี้

01 พ.ย. 2568 | 21:00 น.

‘ขสมก.’ เผยบอร์ดจัดทำร่างทีโออาร์ เตรียมถก 4 พ.ย.นี้ หาข้อสรุปราคากลางเช่ารถเมล์อีวี 1.5 พันคัน หลังพบผู้วิจารณ์วอนเพิ่มขนาดรถ-ที่นั่งผู้พิการ คาดเปิดประชาพิจารณ์รอบ 3 เริ่มพ.ย.นี้

KEY

POINTS

  • ขสมก. เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็น (ประชาพิจารณ์) ร่าง TOR โครงการเช่ารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน เป็นครั้งที่ 3 ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
  • การปรับแก้ TOR เกิดขึ้นหลังจากการประชาพิจารณ์ 2 ครั้งก่อนหน้า ซึ่งมีผู้เสนอความเห็นให้ปรับขนาดรถโดยสารให้ยาวขึ้น และเพิ่มที่นั่งสำหรับผู้พิการ
  • หากการประชาพิจารณ์ครั้งที่ 3 ไม่มีข้อท้วงติงที่เป็นสาระสำคัญ คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในเดือนพฤศจิกายน และลงนามสัญญาในเดือนมกราคม 2569

“โครงการจัดหาเพื่อเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (รถเมล์ EV)” 1 ในโครงการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการบริการ ลดมลพิษ และประหยัดต้นทุนรวมกว่า 1,442 ล้านบาทต่อปี ซึ่งลดค่าเชื้อเพลิงได้ 70% และลดค่าเหมาซ่อมได้ 100%

นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าโครงการจัดหาเพื่อเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (รถเมล์ EV) 1,520 คัน วงเงิน 15,355 ล้านบาท ระยะเวลาการเช่า 7 ปี นั้น

ที่ผ่านมาคณะกรรมการพิจารณาและอนุมัติหลักเกณฑ์การประกวดราคา (TOR) ของโครงการนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการเปิดประชาพิจารณ์ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568

ทั้งนี้ในการเปิดประชาพิจารณ์ครั้งแรกมีผู้วิจารณ์และแสดงความเห็นกว่า 19 ราย ในประเด็นการปรับขนาดความยาวรถโดยสาร ทำให้ขสมก.มีการปรับแก้ไขร่างทีโออาร์ก่อนเปิดประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14-17 ตุลาคม 2568 รวมระยะเวลา 3 วัน

นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดการประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 ในโครงการจัดเช่ารถเมล์นี้ได้สิ้นสุดแล้ว พบว่ามีผู้แสดงความเห็น จำนวน 24 ราย ซึ่งมีทั้งบริษัทเอกชนและบุคคลทั่วไป

สำหรับความคิดเห็นของผู้วิจารณ์ครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าควรมีขนาดรถโดยสารมากกว่า 11 เมตร รวมถึงมีขนาดที่นั่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่นั่งของผู้พิการเป็น 2 ที่นั่ง

จากเดิมที่มีที่นั่งผู้พิการ 1 ที่นั่ง ส่วนพื้นที่ว่างสามารถทำเป็นเบาะพับเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถนั่งได้

อย่างไรก็ดีในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ คณะกรรมการพิจารณาและอนุมัติหลักเกณฑ์การประกวดราคา (TOR) จะนัดประชุมเพื่อดำเนินการปรับแก้ไขร่างทีโออาร์อีกครั้ง

ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวจะต้องนำร่างทีโออาร์ฉบับแก้ไขดำเนินการส่งรายละเอียดเพื่อสืบราคาอีกครั้ง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดสาระสำคัญโดยเฉพาะขนาดความยาวของรถโดยสารและเรื่องอื่นๆ

นอกจากนี้คณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์จะมีการนัดประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปราคากลางที่เหมาะสม ก่อนเปิดประชาพิจารณ์ครั้งที่ 3 ภายในสัปดาห์ที่ 1 หรือสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายนนี้ ใช้ระยะเวลา 3 วัน

นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า หากการประชาพิจารณ์ครั้งที่ 3 มีผู้วิจารณ์แสดงความเห็นอีกจะมีการเปิดประชาพิจารณ์ครั้งที่ 4 หรือไม่นั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาและอนุมัติหลักเกณฑ์การประกวดราคา (TOR)

“หากคณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์เห็นว่าเรื่องของผู้วิจารณ์ไม่ได้มีผลประโยชน์ต่อสาธารณะหรือกระทบต่อขสมก.สามารถให้เหตุผลได้ แต่ถ้าในเรื่องของผู้วิจารณ์มีผลกระทบต่อสาธารณะหรือมีนัยยะสำคัญจะต้องนำเรื่องดังกล่าวกลับมาพิจารณากันอีกครั้ง” นายกิตติกานต์ กล่าว

ทั้งนี้ขสมก.มีแนวความคิดในการหารือร่วมกับคณะกรรมการจะทำร่างทีโออาร์ เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าได้เร็วที่สุด

ดังนั้นประเด็นไหนที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อขสมก.และสาธารณะ ก็พร้อมที่จะเดินหน้าทันที

อย่างไรก็ดีหากไม่มีผู้วิจารณ์จะดำเนินการเปิดประมูลหาเอกชนภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยมีระยะเวลาให้เอกชนยื่นข้อเสนอประมาณ 20 วัน คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ภายในเดือนมกราคม 2569

โดยยืนยันว่าการลงนามสัญญายังอยู่ในแผนเดิมที่ตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 4-5 เดือน

ที่ผ่านมาจากการสืบราคากลางก่อนเปิดประมูลในโครงการเช่ารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน วงเงิน 15,301 ล้านบาท ในอัตราค่าเช่า 19.70 บาทต่อกิโลเมตรต่อวันต่อคัน พบว่า

มีบริษัทเอกชน 4 รายที่ให้ความเห็นถึงโครงการนี้ด้วยเช่นกัน ประกอบด้วย

1.บริษัทนครชัยแอร์ จำกัด 2.บริษัทเฟิสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด 3.บริษัทพนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด 4.บริษัทเน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน)

สำหรับการส่งมอบรถเมล์อีวี จำนวน 1,520 คัน แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 จำนวน 500 คัน จะเริ่มส่งมอบรถได้ภายในเดือนก.ย.2569

ระยะที่ 2 จำนวน 500 คัน จะเริ่มส่งมอบรถภายในเดือนธันวาคม 2569 นับจากวันที่ส่งมอบรถระยะที่ 1 แล้วเสร็จ และระยะที่ 3 จำนวน 520 คัน จะเริ่มส่งมอบรถอีกภายในเดือนมีนาคม 2570

ขณะที่หลักเกณฑ์การประกวดราคา (TOR) ในโครงการเช่ารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน วงเงิน 15,301 ล้านบาท ครั้งที่ 2 นั้น ระบุว่า

1.ผู้เสนอราคาต้องเสนอราคาค่าเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานสะอาดจำนวน 1,520 คันและระบบอัดประจุไฟฟ้าระยะเวลา 7 ปีตามแบบใบเสนอราคาโดยคิดราคารวมทั้งสิ้นภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอากรอื่นๆค่าขนส่งค่าจดทะเบียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆทั้งปวง

2.ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องเสนอกำหนดยืนราคาไม่น้อยกว่า 180 วันนับตั้งแต่วันเสนอราคาโดยภายในการกำหนดยืนราคาผู้ยื่นข้อเสนอต้องรับผิดชอบราคาที่ตนได้เสนอไว้และจะถอนการเสนอราคาไม่ได้

3.ก่อนเสนอราคา ผู้ยื่นข้อเสนอควรตรวจดูร่างสัญญารายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะให้ถี่ถ้วนและเข้าใจเอกสารทั้งหมดเสียก่อนที่จะตกลงยื่นข้อเสนอตามเงื่อนไขที่ ขสมก.กำหนด

ด้านคุณลักษณะเฉพาะของรถโดยสารปรับอากาศพลังงานสะอาด (อีวี) เป็นรถโดยสารชั้นเดียวชานต่ำ ขนาดความยาวจัวรถไม่น้อยกว่า 11 เมตร

โดยขนาดความกว้าง ความสูงและระยะห่างช่วงล้อให้เป็นไปตามมาตรฐานของกฎกระทรวงออกตามความในพะราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522

ทั้งนี้รถโดยสารสามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ระบบขับเคลื่อนศูนย์กลางล้อ 2 หน้าหรือระบบขับเคลื่อนศูนย์กลางล้อ 2 ล้อหลังหรือระบบขับเคลื่อนศูนย์กลางล้อทั้ง 4 ล้อ

สามารถขับเคลื่อนรถโดยสารไฟฟ้าที่มีน้ำหนักบรรทุกรวมไม่น้อยกว่า 17,000 กิโลกรัม

ลุ้นประชาพิจารณ์รอบ 3 ‘ขสมก.’รื้อTORเช่ารถเมล์อีวี 1.5 พันคัน พ.ย.นี้

เป็นรถใหม่ไม่เคยใช้งานมาก่อน นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนและนำรถดังกล่าวออกมาให้บริการเดินรถโดยรถดังกล่าวต้องไม่เป็นของเก่าเก็บอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ทันที

เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,145 วันที่ 2 - 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568