วุฒิสภา ไฟเขียว 'ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม' วาระ3 ผ่านฉลุย 144 เสียง

22 ต.ค. 2568 | 09:06 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2568 | 09:12 น.

'วุฒิสภา' เคาะ 'ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม' วาระ3 เห็นด้วย 144 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ยืนกรานบุคคลล้มละลายนั่งบอร์ดได้

KEY

POINTS

  • วุฒิสภามีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ในวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 144 ต่อ 1 เสียง
  • มีการอภิปรายประเด็นคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมี สว. เสนอให้เพิ่มลักษณะต้องห้ามสำหรับ "บุคคลล้มละลาย" ทุกกรณี ไม่ใช่เฉพาะ "บุคคลล้มละลายทุจริต"
  • ที่ประชุมลงมติให้คงร่างเดิมของคณะกรรมาธิการฯ ที่กำหนดลักษณะต้องห้ามเฉพาะบุคคลที่เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตเท่านั้น

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. จำนวน 54 มาตรา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2 และวาระ 3

ทั้งนี้ที่ประชุมวุฒิสภา (สว.) ได้ใช้เวลาพิจารณาวาระสอง ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้ลงมติวาระสาม ผลปรากฏว่าที่ประชุมวุฒิสภาเห็นด้วย 144 ต่อ 1 งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ออกเสียง 1 เสียง

สำหรับนางสาวรัชนีกร ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) สงวนความเห็นมาตรา6 (3) คุณสมบัติต้องห้ามกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม

โดยขอให้เพิ่มคำว่า “บุคคลล้มละลาย” เนื่องจากเห็นว่าการกำหนดลักษณะต้องห้ามเพียง “บุคคลล้มละลายทุจริต” เกณฑ์ต่ำเกินไป เพราะเป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วมเป็นตำแหน่งระดับชาติ

นางสาวรัชนีกร กล่าวว่า บุคคลล้มละลายถือเป็นผู้มีความบกพร่องการเงินส่วนตัว บกพร่องในตัวเอง ถามจะมาจัดการหนี้สินและทรัพย์สินของชาติได้อย่างไร

ดังนั้น จะต้องห้ามบุคคลล้มละลาย เป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ซับซ้อน และยกระดับความเชื่อมั่นของคณะกรรมการ เพราะคนล้มละลายมีแรงกดดันทางการเงิน

นอกจากนี้หากยกเว้นให้กับบุคคลล้มละลายอาจเกิดคำถามเรื่องธรรมาภิบาล ตนทราบดีว่ากฎหมายจะให้โอกาสใหม่กับคนบุคคลล้มละลาย แต่ในฐานะกำกับเงินแผ่นดิน สิ่งสำคัญคือความรับผิดชอบต้องสูงกว่าการใช้ชีวิตส่วนตัว

นางสาวจีราภัทร์ การประเสริฐกิจ กรรมาธิการ ชี้แจงว่า ในทางกฎหมายเปิดโอกาสให้บุคคลล้มละลายมีโอกาสดเนินการกิจการใหม่ได้ โดยมองว่าการล้มละลายอาจเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือปัจจัยภายนอก

ส่วนกรณีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการระบบตั๋วร่วม ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญ ด้านวิศวกรรม ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อสนับสนุนระบบตั๋วร่วมให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี

ดังนั้น ภารกิจจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพย์สินโดยตรง ทางคณะกรรมาธิการจึงกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามไว้เพียงว่า เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต เท่านั้น

ขณะเดียวกันที่ประชุมวุฒิสภาเห็นด้วย มาตรา6 ให้คงตามร่างเดิมของคณะกรรมาธิการ ด้วยคะแนน 124 ต่อ 3 งดออกเสียง4 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง

อย่างไรก็ดียังมีสมาชิกสงวนความเห็นในมาตรา31วิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสาร่วม โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมความเสมอภาค มาตรา35 เงินและทรัพย์สินของกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม มาตรา38 คณะกรรมการบริหารกองทุนและมาตรา39 อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมติที่ประชุมวุฒิสภาเห็นด้วยให้คงตามร่างเดิมของคณะกรรมาธิการ