'มัลลิกา' เคาะนั่งแท็กซี่มิเตอร์ เก็บค่าบริการชั่วโมงเร่งด่วน แก้ปฏิเสธผู้โดยสาร

17 ต.ค. 2568 | 07:01 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2568 | 07:06 น.

'มัลลิกา' เคาะกรมขนส่งฯ ดันระบบ Digital Taximeter ลุยเก็บค่าบริการชั่วโมงเร่งด่วน แก้ปัญหาปฏิเสธผู้โดยสาร คาดได้ข้อสรุปภายในเดือนธ.ค.นี้

KEY

POINTS

  • กระทรวงคมนาคมเสนอแนวคิดแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ด้วยการเก็บค่าบริการเพิ่ม (Surcharge) ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนและหลังเวลา 21.00 น.
  • จะมีการนำระบบ Digital Taximeter มาใช้ ซึ่งไม่ใช่การปรับขึ้นค่าโดยสาร แต่เป็นการปรับเทคโนโลยีให้คำนวณราคาตามสภาพจราจรได้เป็นธรรมและแม่นยำขึ้น
  • ยืนยันว่าอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นยังคงเดิมที่ 35 บาท โดยคาดว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปภายในเดือนธันวาคมนี้ และจะบังคับใช้กับแท็กซี่ใหม่ในอนาคต

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายกรมขนส่งทางบกว่า ปัจจุบันพบว่ารถแท็กซี่มักจะปฏิเสธผู้โดยสาร เบื้องต้นทางกรมขนส่งฯ มีแนวคิดนำเทคโนโลยีระบบ Digital Taximeter มาใช้โดยเป็นการเก็บค่าบริการเพิ่มเติมในชั่วโมงเร่งด่วน (Surcharge ) รวมถึงช่วงให้บริการหลัง 21.00 น.เป็นต้นไป ช่วยลดการปฎิเสธผู้โดยสารของรถแท็กซี่มิเตอร์และเพื่อให้ค่าโดยสารมีความเป็นธรรมมากขึ้น

"ที่ผ่านมาไม่เคยมีการเปลี่ยนค่าแท็กซี่มิเตอร์กว่า 20 ปี ซึ่งการปรับค่าธรรมเนียมบริการเพิ่มในชั่วโมงเร่งด่วนถือเป็นการช่วยรถแท็กซี่อีกทางหนึ่ง โดยยืนยันว่าแนวคิดนี้ยังไม่ได้ขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์ ในช่วงนี้ ซึ่งรอให้ผู้ใช้บริการใช้เวลาทำใจก่อน" นางสาวมัลลิกา กล่าว

สำหรับนโยบายปรับปรุงมิเตอร์แท็กซี่ยังมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร เพราะเชื่อว่าการปรับมิเตอร์ให้เป็นธรรม จะทำให้แท็กซี่ไม่ปฏิเสธการให้บริการ

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาการ ปฎิเสธผู้โดยสารของรถแท็กซี่มิเตอร์

โดยพบว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีแท็กซี่มิเตอร์ที่ให้บริการ จำนวน 100,000 คันต่อวัน แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 65,000 คันต่อวัน

อย่างไรก็ดี แนวคิดนี้จะเริ่มดำเนินการเป็นรูปธรรรมได้ คาดว่าแนวคิดดังกล่าวนี้จะได้ข้อสรุปภายในเดือนธ.ค.นี้

ทั้งนี้ขบ.ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับอัตราค่าโดยสาร จะยังคงเป็นเกณฑ์เดิม สูตรราคาเดิม แต่ Digital Taximeter จะสามารถคำนวณ การจราจร และ GPS ที่แม่นยำ

"ส่วนในช่วงเวลารถติดหรือช่วงโมงเร่งด่วน เพื่อความเป็นธรรมแก่แท็กซี่ จะมีการคำนวณจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม (Surcharge) โดยกรอบราคาจะเป็นอย่างไรนั้น ยังอยู่ในช่วงของการศึกษา" นายสรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ Digital Taximeter เป็นระบบที่ใช้ในเกาหลีและญี่ปุ่นแทน โดย ขบ.ยืนยันว่าเป็นการปรับเทคโนโลยี ไม่ใช่ปรับราคา ดังนั้นค่าโดยสารจะยังคงใช้สูตรราคาเดิมทุกอย่าง แต่สามารถนำปัจจัยอื่นๆ มาคำนวณตามสูตรได้อย่างแม่นยำและยืดหยุ่นมากขึ้น

แหล่งข่าวจากขบ.กล่าวว่า แนวคิดนี้ยังคงอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ยังเริ่มต้นที่ 35 บาทตามเดิม โดยเงื่อนไขห้ามปฏิเสธผู้โดยสาร ซึ่งเป็นแท็กซี่ใหม่ที่เข้าร่วมและมีอายุการใช้งานไม่เกิน 4 ปี

หากแท็กซี่รายเดิมต้องการเข้าร่วมโครงการนี้ ต้องปรับรูปแบบการให้บริการใหม่ เช่น ความสะอาด ซึ่งผู้ประกอบการต้องเสียค่าติดตั้งค่าระบบ

อย่างไรก็ตามในปี 2568-2569 จะมีแท็กซี่ที่หมดอายุการใช้งานและถูกออกจากระบบ จำนวน 15,000 คัน โดยแท็กซี่ใหม่ที่จะเข้าระบบจำเป็นต้องเข้าร่วมการใช้ระบบ Digital Taximeter