เอกชนหนุน‘อนุทิน’ลุยโครงการหาเสียง โด๊ปเศรษฐกิจ-ลดค่าครองชีพ

18 ก.ย. 2568 | 23:50 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2568 | 23:58 น.

      รัฐบาลอนุทิน ลุยโครงการเด่น นโยบายเรือธงรัฐบาลภูมิใจไทยภาคเอกชน หวังโด๊ปเศรษฐกิจลดค่าครองชีพ 4 เดือน พร้อมปูพรม ดึงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า

KEY

POINTS

  • ภาคเอกชนสนับสนุนรัฐบาลนายอนุทินในการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและลดค่าครองชีพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ใช้หาเสียง
  • นโยบายเด่นที่เตรียมนำกลับมาใช้คือ "คนละครึ่ง" รวมถึงมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ลดค่าไฟฟ้า และค่าโดยสารรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน
  • รัฐบาลยืนยันเดินหน้าสานต่อโครงการลงทุนขนาดใหญ่ "แลนด์บริดจ์" เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้

 

 

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น และกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแรง รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เร่งคลอดนโยบายชุดเรือธงกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม แม้จะเป็นช่วงระยะเวลา 4 เดือน แต่หากเกิดขึ้นจริงประเมินว่าจะนำไปสู่การปูทางการจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า

 

นโยบายที่เด่นชัดโดนใจมหาชน เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วทั้งประเทศ คือ“คนละครึ่ง” ประชาชนจ่าย 50% และรัฐสมทบให้ 50% ต่อวัน ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับความนิยมตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้องให้นำคนละครึ่งกลับมาใช้

โดยเฟสแรก ใช้งบประมาณปี2568 วงเงิน25,000ล้านบาท ก่อนขยายในเฟสถัดไป ในปีงบประมาณ2569 ที่คาดการณ์ว่าจะใช้ เกณฑ์ 60:40 คือรัฐจ่ายให้60% ต่อวัน อย่างไรก็ตามภาคเอกชน อย่างนายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรมองว่ารัฐรัฐบาลมาถูกทางโดยเห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับมาตรการคนละครึ่งเนื่องจากลงถึงเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างตรงเป้ามากที่สุด

 สอดคล้องในการประชุม หอการค้าไทย วันที่ 18 กันยายน 2568 นายกรัฐมนตรี หารือกับนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมถึงคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอเพิ่มเติม อาทิโครงการคนละครึ่งเสนอวงเงินค่าใช้จ่าย 1,500 บาท/เดือนระยะเวลาตุลาคม-พฤศจิกายน2568 โครงการ Easy E-Receipt เฟส 2เสนอวงเงิน 100,000 บาท (รวมทุกหมวดสินค้า)ระยะเวลา พฤศจิกายน-ธันวาคม2568

อนุทิน ชาญวีรกูล

มาตรการอสังหาริมทรัพย์เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงลดหย่อนเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่น้อยกว่า 50% จนกว่าเศรษฐกิจกิจจะฟื้นตัว มาตรการการท่องเที่ยว รวมถึงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยนักท่องเที่ยวจีนเชิญผู้นำระดับสูงของจีนเยือนไทยในการนี้ นายอนุทินได้บรรลุข้อตกลงและบรรจุข้อเสนอเอกชนไว้ในวาระการทำงาน4เดือน

ทั้งนี้ในแง่ของ มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งรัฐบาลอนุทิน มีนโยบายลงมาว่าจะลดหย่อน 50% ต่อ จากสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่เคยปฏิบัติมา และยอมรับในข้อเสนอของภาคเอกชนและหอการค้า ที่เสนอต่อรัฐบาล จนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นธรรมกับประชาชนที่ถือครองที่ดินมรดก หรือที่ดินที่ภาคเอกชนไม่สามารถพัฒนาได้จากการติดกับดักวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงที่อยู่อาศัยค้างสต๊อกที่ได้รับผลกระทบอย่างมากสำหรับภาคเอกชนที่ต้องรับภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีละจำนวนมากจากการเรียกเก็บอัตราที่ต้องชำระประเภทพาณิชยกรรม ทั้งนี้หากทำได้จะช่วยลดภาระได้อย่างมาก

นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย ที่น่าจับตาอย่างรถไฟฟ้า40บาทนั่งได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งได้รับการยืนยันจาก นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงแนวทางมาตรการลดค่าครองชีพให้ประชาชนผ่านโครงการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน คือ เดินทางน้อยจ่ายค่าบริการน้อย จะมีเพดานที่กำหนดอัตราสูงสุดให้ เสมือนเป็นตั๋วบุฟเฟ่ ไม่ใช่ว่าจ่ายครั้งแรกเต็มขั้น หรือจะกล่าวก็คือจ่ายตามการเดินทาง แต่สูงสุดจะไม่เกินเพดานที่กำหนด

 ขณะที่ตั๋วรถไฟฟ้าน่าจะใช้รูปแบบเดียวกัน เพราะปัจจุบัน พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ตั๋วร่วมอยู่ในขั้นตอนของวุฒิสภาฯ หากตั๋วร่วมกลับมาปรากฏว่าไม่มีการแก้ไขอะไรมาก สภาฯสามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว ตั๋วร่วมก็จะทำให้ค่ารถไฟฟ้าถูกลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างไรก็ตามรัฐบาลจะมีแนวทางหารืออีกครั้งว่าราคาและรูปแบบจะดำเนินการอย่างไร

ในขณะโครงการใหญ่ รถเมล์ อีวี ที่จะเร่งขับเคลื่อนภายใต้พรรคภูมิใจไทย 1.5 พันคัน มูลค่ากว่า1.5หมื่นล้านที่มีเป้าหมายเชื่อมการเดินทางรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดสาย ซึ่งราคาค่าโดยสารจะต้องนั่งได้แบบเหมาจ่ายทุกเส้นทางนั่งได้ทั้งวันด้วยเช่นเดียวกัน

 ที่น่าจับตาเรื่องของการลดค่าไฟฟ้าลงอีก4 สตางค์ ประชาชนให้ความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นเรื่องการลดค่าครองชีพได้โดยตรงสำหรับผู้ใช้ไฟภาคครัวเรือน นายสิริพงศ์ มองว่า แนวโน้มค่าไฟงวดแรกปี 69 (ม.ค.-เม.ย. 69) น่าจะลดลงได้อีกอย่างน้อย 4 สตางค์ต่อหน่วยจากงวดปัจจุบัน ที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 3.94บาทต่อหน่วย

ที่นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาแนวทางอยู่ว่าจะสามารถทำอย่างไรได้บ้างแต่ต้องดูว่ามีภาระงบประมาณที่จะต้องเข้าไปอุดหนุนเท่าใด และในรอบต่อไปจะลดได้อีกเท่าใด ดังนั้น ต้องรอตัวเลขจากรอบปัจจุบันก่อน โดยขั้นต่ำ 4 สตางค์ต่อหน่วยน่าจะได้เห็นแน่ ซึ่งเป็นแนวทางที่ว่าที่ รมว. พลังงานให้มา

มาที่โครงการขนาดใหญ่ แลนด์บริดจ์มูลค่า9.97แสนล้านบาท ที่นายอนุทิน ยื่นยันว่าสานต่อเนื่องจากเป็นโครงการที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและคนในพื้นที่ได้ รวมถึงเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าทางเรือเชื่อมโลก ล่าสุดได้รับการยืนยันจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ยืนยันว่าจะสานต่อโครงการแลนด์บริดจ์ต่อเนื่อง เนื่องจากมีประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้ และเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยด้วยเช่นกัน

นายเอกสิทธ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT) ให้สัมภาษณ์ถึงมุมมองภาพลักษณ์ของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ว่า มีการเชิญคนนอกเข้ามาเสริมโดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจมาหลายท่าน ซึ่งถือว่าหน้าตาภาพลักษณ์ดูดี เชื่อว่าจะเป็นความหวังทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ แต่เนื่องจากรัฐบาลได้ทำสัญญาไว้ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง 4 เดือน

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชนก็จะค่อนข้างลำบาก แม้ว่ารัฐมนตรีใน ครม.จะเก่งแค่ไหนแต่ในระยะเวลาแค่ 4 เดือนยังทำอะไรไม่ได้ ซึ่งหลายคนมีความรู้ความสามารถด้านธุรกิจ แต่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองและไม่เคยบริหารราชการ ไม่ได้ทำงานกับข้าราชการประจำมาก่อน เพราะการทำงานภาครัฐไม่เหมือนภาคเอกชน ถือเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องให้เวลาพิสูจน์

ทั้งนี้หลายปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนประสบกับปัญหาเศรษฐกิจมามากแล้ว ฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ให้ช่วยดูแลแก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประเทศเป็นเรื่องเร่งด่วน หากมีเวลา 4 เดือน รัฐบาลทำให้สภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นก็ถือว่าดีใจมากแล้ว