KEY
POINTS
ที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณมูลค่ากว่า 1.57 แสนล้านบาท เพื่อผลักดันโครงการด้านคมนาคมขนาดใหญ่ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งโครงการเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะสร้างงานและกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ อีกทั้งเป็นการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการเติบโตในระยะยาว
ก่อนหน้านี้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบ อนุมัติแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท
และให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ผลการพิจารณาคำขอรับจัดสรรบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 157,000 ล้านบาท ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรเพื่อการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจและมีความสำคัญสูง มีโครงการที่ผ่านหลักเกณฑ์ วงเงินรวม 115,375 ล้านบาท
ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคม ได้รับการจัดสรรงบประมาณ วงเงินรวม 47,395 ล้านบาท ได้แก่ กรมทางหลวง 32,188.33 ล้านบาท , บริษัท ขนส่ง จ้ากัด 14.8 ล้านบาท , กรมท่าอากาศยาน 765.9 ล้านบาท , องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ 42 ล้านบาท , การรถไฟแห่งประเทศไทย 1,020.8 ล้านบาท , กรมทางหลวงชนบท 14,725.09 ล้านบาท
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า โดยงบจัดสรรวงเงินดังกล่าวนั้น จะนำมากระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจ้างงาน เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้โครงการต่างๆ ที่ได้รับการจัดสรร จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกันยายน 2568 เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สูงสุดทุกโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปจนถึงผลักดันภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
“กรณีที่มีการจัดซื้อจัดจ้างบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ที่ยื่นประมูลงานรายเดียว รับงานได้เลยนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของกรมบัญชีกลางที่ออกกฎระเบียบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในส่วนของกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าการประมูลโครงการต่างๆ เช่น โครงการถนนของกรมทางหลวง (ทล.) ไม่มีการประมูลรายเดียวอยู่แล้ว ปัจจุบันทราบว่าหน่วยงานต่างๆเริ่มดำเนินการเปิดประมูลหาผู้รับจ้างแล้ว” นายสุริยะ กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบันแผนลงนามสัญญางกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินรวม 47,395 ล้านบาท จำนวน 6 หน่วยงาน 5,137 รายการ ขณะนี้ได้ตัวผู้รับจ้างแล้ว 57 รายการ วงเงิน 609.84 ล้านบาท และลงนามในสัญญาแล้ว 2 รายการ วงเงิน 3.81 ล้านบาท
โดยตั้งเป้าเบิกจ่ายในเดือนกันยายนนี้ จำนวน 4,469 รายการ วงเงิน 40,328 ล้านบาท คาดว่าเบิกจ่ายครบ 100% ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
สำหรับแผนการจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละหน่วยงาน ดังนี้ กรมทางหลวง (ทล.) จำนวน 3,115 รายการ วงเงิน 30,901 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเร่งรัดการลงนามสัญญาภายในเดือนนี้ ตามแผนได้ตั้งเป้าเบิกจ่ายภายในเดือนกันยายน 2568 จำนวน 2,472 รายการ วงเงิน 24,011 ล้านบาท,กรมทางหลวงชนบท (ทช.) จำนวน 1,959 รายการ วงเงิน 14,683 ล้านบาท ตั้งเป้าเบิกจ่าย ณ กันยายน 2568 จำนวน 1,955 รายการ วงเงิน 14,644 ล้านบาท
ขณะที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) จำนวน 11 รายการ วงเงิน 764 ล้านบาท ตั้งเป้าเบิกจ่าย ณ กันยายน 2568 ครบทุกรายการภายในเดือนเดียวกัน,การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 50 รายการ วงเงิน 999 ล้านบาท ลงนามแล้ว 2 รายการ วงเงิน 3.81 ล้านบาท ตั้งเป้าเบิกจ่าย ณ กันยายน 2568 จำนวน 29 รายการ วงเงิน 863 ล้านบาท
ด้านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 1รายการ วงเงิน 32 ล้านบาท,บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 1 รายการ วงเงิน 14 ล้านบาท โดยทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าวได้ตั้งเป้าเบิกจ่าย ณ กันยายน 2568 จำนวน 1 รายการ ภายในเดือนเดียวกัน
ส่วนของรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณ แบ่งตามหน่วยงาน เช่น กรมทางหลวง (ทล.) จะดำเนินโครงการครอบคลุมการแก้ไขปัญหาการจราจรที่เป็นคอขวด เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ปรับปรุงถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
ด้านกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เน้นการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง การปรับปรุง-พัฒนาถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่การผลิต เป็นต้น ขณะที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการปรับปรุงสนามบินให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เป็นต้น
นอกจากนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะดำเนินโครงการโดยมุ่งเน้นการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง และแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนนเสมอระดับ เป็นต้น
รวมถึงบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ดำเนินโครงการด้านความปลอดภัย ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วยรถโดยสารของ บขส. และปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสาร เป็นต้น
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่คอขวด เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง เป็นต้น
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,133 วันที่ 21 - 24 กันยายน พ.ศ. 2568