KEY
POINTS
ที่ผ่านมา “กระทรวงคมนาคม” เร่งรัดการผลักดันร่างกฎหมายหลายฉบับเพื่อสอดรับกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมหลายโครงการ เช่น นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ,โครงการแลนด์บริดจ์และการศึกษาพัฒนาท่าเรือคลองเตย ฯลฯ
ปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรมีมติอนุมัติร่างกฎหมายของกระทรวงคมนาคมแล้ว จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1-วาระที่ 3 แล้ว ซึ่งตามขั้นตอนจะเสนอต่อวุฒิสภาพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ก่อนประกาศร่างกฎหมายและมีผลบังคับใช้ต่อไป
สำหรับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การขนส่งทางราง พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา จากการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติผ่าน ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ.... ด้วยการลงมติ 397 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุมสภา 399 เสียง
โดยร่าง พ.ร.บ. การขนส่งทางราง ซึ่งมีสาระสำคัญของกฎหมายที่วางกรอบการควบคุม ดูแล และพัฒนาการขนส่งทางรางในไทย รวมถึงการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์จากระบบรางเพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่ร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ.... โดยในมติวาระ 3 ผลปรากฏว่ามีผู้มาลงมติ ทั้งหมด 389 เสียง เห็นด้วย 386 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง
และไม่ลงคะแนน 1 เสียง ซึ่งสภาฯเห็นด้วยกับร่างกำหมายฉบับนี้ พร้อมส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เป็นหน่วยงานกลาง ดูแลระบบการชำระค่าโดยสารขนส่งมวลชนสาธารณะด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์เพียงใบเดียวครอบคลุมการเดินทางทั้ง รถไฟฟ้า รถเมล์ เรือโดยสาร และระบบขนส่งอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าโดยสาร–ลดความซ้ำซ้อน และเอื้อต่อการพัฒนานโยบายค่าโดยสารร่วมในอนาคต
ส่วนร่าง พ.ร.บ.รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 ของการประชุมสภาฯในวาระที่ 2-3 ได้เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว
ด้วยการลงมติวาระ 3 มีผู้มาลงมติ 398 เสียง เห็นด้วย 248 เสียง ไม่เห็นด้วย 151 เสียง งดออกเสียง ไม่มี ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
อย่างไรก็ดีร่างพ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับ จะสอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งตามแผนเดิมของกระทรวงคมนาคมเมื่อกฎหมายผ่านแล้วจะสามารถเดินหน้าต่อได้
หากรัฐบาลชุดใหม่ยังคงเห็นความสำคัญการเดินทางของประชาชนชนที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ถูกลง
โดยที่ผ่านมาได้มีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านแอปทางรัฐสามารถใช้นโยบายนี้ทุกสีทุกสายครอบคลุมรถไฟฟ้าทั้ง 8 สาย 13 เส้นทาง ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้
ขณะที่ร่างพรบ.รฟม.นั้น ซึ่งสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้อำนาจวางแผน จัดการ ลงทุน และบริหารงานได้มีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถหารายได้รูปแบบใหม่ และนำรายได้มาสนับสนุนระบบตั๋วร่วมผ่านกองทุนรฟม.เพื่อชดเชยรายให้กับเอกชนผู้รับสัมปทานที่เข้าร่วมนโยบายนี้
เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมประเมินไว้ว่าจะต้องใช้งบประมาณส่วนนี้มาอุดหนุนเข้ากองทุน รฟม.จำนวน 8,000 ล้านบาทต่อปี รวมเงินอุดหนุนในช่วง 2 ปีแรกรวมเป็น 16,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ตามขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณาของวุฒิสภา หากสมาชิกวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวครบทุกกระบวนการ ก็จะนำไปสู่การนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
หากกรณีที่ไม่ผ่านก็จะตีกลับมาให้ ส.ส. โหวตยืนยันอีกครั้ง และเมื่อผ่านครบทุกกระบวนการพร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าประชาชนจะได้ใช้สิทธิ์โดยสารรถไฟฟ้าในราคา 20 บาทตลอดสายจริง ไม่เกินปลายปีนี้
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับใหม่) ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 377 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 4 เสียง
จากจำนวนผู้ลงมติทั้งหมด 382 คน นับเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปโครงสร้างของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก
อย่างไรก็ดีสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้ ได้ปลดล็อกข้อจำกัดเดิมหลายประการ ทำให้ กทท. มีเครื่องมือในการบริหารจัดการที่ทันสมัยและยืดหยุ่นมากขึ้น ดังนี้ การจัดตั้งบริษัท โดย กทท.สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดได้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องและต่อยอดทรัพยากรขององค์กรได้อย่างคล่องตัว
ขณะเดียวกันสามารถสร้างรายได้ที่หลากหลายและเชื่อมโยงความร่วมมือเชิงพาณิชย์กับภาคเอกชนได้อย่างโปร่งใสและสามารถออกพันธบัตรและตราสารทางการเงินอื่น ๆ เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการพัฒนาต่าง ๆ ได้โดยตรง ตลอดจนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มศักยภาพและคุ้มค่า
“หลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 3 แล้ว ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของวุฒิสภา โดยจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ นายกรัฐมนตรีจะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป” นางมนพร กล่าว
นางมนพร กล่าวต่อว่า ส่วนร่างพระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... (ร่างพ.ร.บ.SEC) ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ต้องดำเนินการเพื่อผลักดันโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย - อันดามัน (ชุมพร - ระนอง) หรือ แลนด์บริดจ์นั้น
เบื้องต้นทราบว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเป็นผู้ส่งร่าง พ.ร.บ. และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรจุเข้าวาระที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
สำหรับความจำเป็นที่ต้องมีพระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... (ร่างพ.ร.บ.SEC) เพราะในปัจจุบันขาดกรอบกฎหมายเฉพาะที่ชัดเจน เนื่องจากต้องใช้กฎหมายหลายฉบับจากหน่วยงานต่างๆที่ไม่ได้ออกมาเพื่อรองรับโครงการระดับเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้เกิดความล่าช้า ซ้ำซ้อนในการอนุญาตหรือพิจารณาโครงการฯ
ส่งผลให้นักลงทุนขาดความมั่นใจและหันไปลงทุนที่อื่นที่มีกระบวนการรวดเร็วกว่า รวมถึงก่อให้เกิดสิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิการเช่าในระยะยาว รวมถึงส่งเสริมการลงทุนในเขตจังหวัดภาคใต้ที่มีศักยภาพสูง ลดความเหลื่อมล้ำเกิดการกระจายรายได้ เอื้อต่อการลงทุนของต่างชาติ
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,130 วันที่ 11 - 13 กันยายน พ.ศ. 2568