“บอร์ดรฟท.” เคาะแผนฟื้นฟูฯ ลุยจัดหารถใหม่ ล้างหนี้ 2.8 แสนล้าน

04 ส.ค. 2568 | 08:33 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2568 | 08:41 น.

“บอร์ดรฟท.” ไฟเขียว จ้างที่ปรึกษาทบทวนแผนฟื้นฟูฯ เล็งชงคมนาคม-สคร.เคาะภายใน 2 เดือน เร่งเดินหน้าจัดหาขบวนรถ ดันบริษัทลูกปั้นพื้นที่เชิงพาณิชย์ หวังล้างหนี้ 2.8 แสนล้านบาท

KEY

POINTS

  • คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) อนุมัติให้จ้างที่ปรึกษาเพื่อทบทวนแผนฟื้นฟูกิจการ โดยจะเสนอให้กระทรวงคมนาคมและ สคร. พิจารณาภายใน 2 เดือน
  • แผนฟื้นฟูฉบับใหม่จะมุ่งเน้นการเร่งจัดหาขบวนรถใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งทางรางให้สอดรับกับเส้นทางรถไฟทางคู่ที่เปิดให้บริการ
  • ตั้งเป้าหมายลดภาระหนี้สินสะสมกว่า 2.8 แสนล้านบาท ผ่านการเพิ่มรายได้จากการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์โดยบริษัทลูก และการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนเดินรถ

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟท.) อนุมัติให้ รฟท.ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการทบทวนแผนฟื้นฟู จากการพิจารณาปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป 

ทั้งนี้ตามแผนจะเสนอแผนฟื้นฟูฉบับทบทวนต่อกระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ภายใน 2 เดือน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2569 

นายวีริศ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนฟื้นฟูฉบับทบทวนนี้ รฟท.ได้ปรับปรุงรายละเอียดของกลยุทธ์โดยเฉพาะแนวทางการหารายได้ เช่น การกำหนดเร่งจัดหาขบวนรถใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางราง

ที่ผ่านมาพบว่าแผนฟื้นฟูฉบับเดิม มีการกำหนดจัดหาขบวนรถใหม่ แต่ก็พบว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน อีกทั้งปัจจุบันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางราง ได้ทยอยเปิดให้บริการส่วนของทางคู่ในหลายเส้นทาง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ รฟท.ต้องปรับแผน กำหนดกรอบเวลาและจำนวนของการจัดหาขบวนรถใหม่มาให้บริการโดยเร็ว

สำหรับแผนฟื้นฟูฉบับเดิมนั้น มีการคาดการณ์รายได้จากการบริหารสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในจำนวนไม่สูงนัก แต่ปัจจุบัน รฟท.ได้มอบหมายสัญญาเช่าพื้นที่ทั้งหมดให้กับบริษัทลูก คือ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA)

ปัจจุบันได้เริ่มปรับปรุงสัญญา ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นแผนฟื้นฟูฉบับทบทวน จึงจะปรับประมาณการณ์รายได้จากการบริหารสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เพิ่มมากขึ้น 

นอกจากนี้ยังมีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อกำหนดเปิดกว้างให้เอกชนร่วมลงทุนรัฐ (PPP) ในการบริหารการเดินรถ และเช่าใช้รางรถไฟในการดำเนินธุรกิจการ ทำให้ รฟท.มีโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น

โดยปัจจัยเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปจากคาดการณ์ที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูฉบับเดิม จึงทำให้ รฟท.ต้องเสนอแผนฟื้นฟูฉบับทบทวน

นายวีริศ กล่าวต่อว่า แผนฟื้นฟูฉบับทบทวนไม่ได้มีการแก้ไขในส่วนของแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการลงทุนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เนื่องจากโครงการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่จะเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางราง อีกทั้งในปัจจุบันมีโครงข่ายรถไฟเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น แต่ยังประสบปัญหาขบวนรถให้บริการจำนวนน้อย

ดังนั้นหาก รฟท.จะหารายได้เพิ่มขึ้น จำเป็นต้องปรับปรุงแผนเพื่อจัดหาขบวนรถและศึกษาแนวทางสร้างรายได้

ทั้งนี้การผลักดันแผนฟื้นฟูฉบับทบทวนนั้นจะเริ่มดำเนินการทันทีในปีงบประมาณ 2569 โดย รฟท.คาดหวังว่าแผนดำเนินงานและกลยุทธ์เหล่านี้ จะทำให้ รฟท.สามารถลดภาระหนี้สะสมที่มีอยู่กว่า 2.8 แสนล้านบาทอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะรายได้ที่เกิดจากการบริหารสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ SRTA ที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ รฟท.เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2566 – 2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ 2569 และแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ 2569 กำหนดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ 17 กลยุทธ์ ได้แก่

ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขัน (Enhance Competitive Advantage) ซึ่งประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1.1 พัฒนาโครงข่ายทางรถไฟ เพื่อเพิ่มความสามารถด้านบริการและรองรับการคมนาคมขนส่ง กลยุทธ์ที่ 1.2 บริหารการจัดหาและซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน และกลยุทธ์ที่

1.3 ลดต้นทุนการซ่อมบำรุงรักษาระบบรางด้วยการ Outsource/ Out-job

ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 2 พลิกฟื้นธุรกิจหลัก (Core Business Turnaround) ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 2.1 ขยายการขนส่งสินค้าในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ

กลยุทธ์ที่ 2.2 บริหารจัดการขบวนรถโดยสารเพื่อลดการขาดทุน กลยุทธ์ที่ 2.3 พัฒนาขบวนรถท่องเที่ยว กลยุทธ์ที่ 2.4 ขยายพันธมิตรการขนส่งหีบห่อวัตถุ (Parcel)

กลยุทธ์ที่ 2.5  พัฒนาคุณภาพบริการโดยสารและสินค้า กลยุทธ์ที่ 2.6  บริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟความเร็วสูงอย่างมีประสิทธิภาพ และกลยุทธ์ที่ 2.7  พัฒนาบริการและบริหารต้นทุน PSO ให้เหมาะสม 

ด้านยุทธศาสตร์ที่ 3  ปรับรูปแบบธุรกิจสู่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มระบบราง (Become Platform Provider) กำหนดกลยุทธ์ที่ 3.1 ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มระบบราง 

ขณะที่ยุทธศาสตร์ที่ 4  พัฒนาและสร้างรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการขนส่งระบบราง (Non-Core Business Enhancement) กำหนดกลยุทธ์ที่ 4.1 สนับสนุนบริษัทลูกในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่และขยายธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างรายได้ และกลยุทธ์ที่ 4.2  พัฒนารูปแบบการสร้างรายได้เสริม (Non-core) จากการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของการรถไฟฯ 

นอกจากนี้ ยังมียุทธศาสตร์ที่ 5  ปฏิรูปองค์กรให้สอดคล้องกับการฟื้นฟู (Organizational Reform) ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 5.1  ปรับโครงสร้างองค์กรและบริษัทลูกให้สอดคล้องกับการฟื้นฟู กลยุทธ์ที่ 5.2  ปรับปรุงกระบวนการทำงานและขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี กลยุทธ์ที่ 5.3  บริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ

 ปิดท้ายที่ยุทธศาสตร์ที่ 6  พัฒนาระบบรางด้วย BCG Model (BCG Model Incorporation) กำหนดกลยุทธ์ที่ 6.1  พัฒนาระบบรางด้วยนวัตกรรมสีเขียว ที่สอดคล้องกับนโยบาย BCG Model