“ขสมก.” เด้งรับ ครม.เคาะประมูลเช่ารถเมล์อีวี 1.5 พันคัน เริ่มต.ค.นี้

17 มิ.ย. 2568 | 09:41 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มิ.ย. 2568 | 09:47 น.

“ขสมก.” กางแผนจัดหารถเมล์อีวี 1.5 พันคัน ทดแทนรถร้อนใช้งาน 30 ปี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท เร่งเปิดประมูลเช่า เริ่มต.ค.นี้เตรียมรับมอบรถเฟสแรก 500 คัน ภายในก.ค.69

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (17 มิ.ย. 2568) มีมติเห็นชอบยกเลิกมติ ครม. เดิม ที่เคยอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดหารถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน

ทั้งนี้ที่ประชุมครม.ได้มีมติเห็นชอบโครงการเช่ารถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน เพื่อทดแทนรถเมล์ร้อนเดิมที่มีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี วงเงิน 15,355 ล้านบาท อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้ ขสมก. จัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) เป็นธรรม ไม่กีดกัน หรือเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายใดรายหนึ่ง 

นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ภายหลัง ครม. มีมติเห็นชอบอย่างเป็นทางการ ขสมก. จะดำเนินการประกาศร่าง TOR บนเว็บไซต์ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการประชาพิจารณ์ และเปิดประกวดราคารูปแบบ e-bidding และจากการประชาพิจารณ์
 

ทั้งนี้หากไม่มีการร้องเรียนหรือคัดค้านต่างๆ หรือปรับแก้ TOR นั้น คาดว่า จะสามารถลงนามในสัญญาจัดซื้อได้ภายใน 55 วันทำการนับจากวันที่ ครม. มีมติเห็นชอบ (กรอบเวลา e-bidding) หรือในช่วง ต.ค. 2568 

สำหรับการทยอยรับรถเมล์อีวีแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คาดว่า จะรับมอบรถระยะที่ 1 จำนวน 500 คัน.ในช่วง ก.ค.-ส.ค. 2569 ระยะที่ 2 จำนวน 500 คัน และระยะที่ 3 จำนวน 520 คัน ซึ่งจะทยอยรับมอบรถครบทั้งหมดจำนวน 1,520 คัน ภายในปี 2570 โดยเอกชนผู้รับสัมปทานจะมีระยะเวลาสัมปทาน 7 ปี หากเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด อายุสัมปทานจะเริ่มในปี 2569 และสิ้นสุดสัมปทานในปี 2576 

ส่วนแผนการดำเนินการของ ขสมก. หลังจากนี้ ขสมก. จะเร่งรัดพัฒนากายภาพอู่จอดรถ สถานีชาร์จไฟ เพื่อรองรับรถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าทั้ง 1,520 คัน นำมาทดแทนรถเมล์เก่า ที่จะต้องมาจัดกลุ่มรถเมล์ร้อน (สีครีมแดง) ใกล้ปลดระวาง และมีสภาพไม่สามารถนำมาวิ่งให้บริการได้ตามกรอบระยะเวลาต่อไป

ขณะเดียวกัน ขสมก. จะต้องมาจัดทำเส้นทางใหม่ เบื้องต้น จะนำมาวิ่งให้บริการในเส้นทางเขตเมือง เช่น รัชดาภิเษก รามคำแหง สีลม จุฬา สามย่าน เป็นต้น  ซึ่งการดำเนินโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า จะทำให้ประชาชนได้ใช้บริการรถเมล์ใหม่ มีความสะดวกสบาย รวมถึงช่วยแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมทั้งช่วยลดภาระต้นทุนรวมของ ขสมก. ได้อย่างมีนัยสำคัญ 
 

อย่างไรก็ดีโดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนเชื้อเพลิง จะลดลง 925 ล้านบาทต่อปี รวม 7 ปี ลดลง 6,475 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง ลดลง 887.68 ล้านบาท รวม 7 ปี ลดลง 6,213.76 ล้านบาท ทั้งนี้ตลอดทั้งโครงการ 7 ปี จะทำให้ ขสมก. มีรายได้รวม 52,000 ล้านบาท มีรายจ่าย 32,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19,000 ล้านบาท

รายงานข่าวจาก ขสมก. ระบุว่า ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารประจำทางที่อยู่ในระบบบริการ จำนวนทั้งสิ้น 2,884 คันโดยในจำนวนดังกล่าว นำรถออกให้บริการอยู่ที่ประมาณ 95% ของจำนวนทั้งหมด หรือเฉลี่ยประมาณ 2,740 คันต่อวัน เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 

ทั้งนี้หากแบ่งตามประเภทรถโดยสาร จะพบว่า ขสมก. มีรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) อยู่จำนวน 1,520 คัน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1,364 คัน เป็นรถโดยสารปรับอากาศ (รถแอร์) และรถโดยสารพลังงานสะอาด ในส่วนแผนการยกเลิกรถเมล์ร้อนนำมาวิ่งให้บริการประชาชนนั้น ขสมก. ตั้งเป้าใช้รถพลังงานสะอาดปรับอากาศ 100% ภายในปี 2572 

นอกจากนี้เป็นไปตามเป้าหมายระยะยาว ขสมก. มุ่งเน้นให้ระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯ หันมาใช้พลังงานสะอาดเต็มรูปแบบ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์พลังงานของชาติและเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ขณะที่รถเมล์ร้อนที่ยังมีสภาพพอใช้งาน จะถูกจัดให้เป็น “รถสำรอง” ที่สามารถนำมาให้บริการในกรณีพิเศษ เช่น งานกิจกรรมสำคัญ การเช่าเหมาคัน หรือการให้บริการในช่วงที่รถหลักอยู่ระหว่างซ่อมบำรุง เป็นต้น