KEY
POINTS
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผย ความคืบหน้า โครงการเช่ารถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน วงเงิน 15,355 ล้านบาท ระยะเวลาเช่า 7 ปี ว่า ที่ผ่านมาขสมก. ได้ส่งให้เรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อขอทบทวนมติเดิมเกี่ยวกับการจัดซื้อรถเมล์ NGV และชี้แจงเหตุผลที่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นรถเมล์อีวี (EV)
“ขณะเดียวกันในปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้รับเรื่องแล้วอยู่ระหว่างรอกระทรวงคมนาคมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป โดย ขสมก.ยืนยันว่าแผนการจัดหารถเมล์อีวี (EV) ยังคงเป็นรูปแบบการเช่าไม่ใช่การจัดซื้อรถเมล์ NGV” นายกิตติกานต์ กล่าว
ทั้งนี้กำหนดการลงนามสัญญาและรับมอบรถเมล์อีวีนั้น ตามแผนเดิมจะลงนามสัญญาในเดือนเมษายนนี้ แต่คาดว่าจะต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากต้องรอครม.มีมติอนุมัติเห็นชอบก่อน
หลังจากนั้นขสมก.จะดำเนินการประกาศประกวดราคา และลงนามสัญญาได้ภายใน 55 วัน คาดว่าจะส่งมอบรถเมล์อีวีงวดแรก จำนวน 500 คัน ภายในปีนี้หรือประมาณ 180-200 วัน หลังลงนามสัญญา ขณะที่การส่งมอบรถเมล์อีวีงวดที่ 2 จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3-6 เดือน
นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าในปัจจุบันขสมก.มีหนี้สะสมวงเงิน 150,000 ล้านบาท แต่ในปี 2567 พบว่าผลการดำเนินงานของขสมก. มีการขาดทุนลดลง เหลือเพียง 2,900 ล้านบาท จากเดิมที่เคยขาดทุนประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี
ส่วนสาเหตุที่ผลการดำเนินงานของขสมก.ขาดทุนลดลง เนื่องจากที่ผ่านมาขสมก.มีการปรับปรุงแผนการเดินรถ และการได้รับการอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาลในการจัดหารถเมล์อีวีใหม่ ทำให้ต้นทุนการจัดหารถเมล์อีวีของ ขสมก. เป็นศูนย์
นอกจากนี้ยังรวมถึงการชนะคดีความต่างๆ ภายหลังศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด บริษัท อาร์ แอนด์ เอ คอมเมอร์เชียล วิฮีเคิลส์ เอสดีเอ็น บีเอชดี, บริษัทรถยนต์เซินหลง (เซี่ยงไฮ้) จำกัด และบริษัทเทคโนโลยีพลังงานใหม่เป่ยฟังกวางโจว จำกัด จ่ายค่าปรับ 520 ล้านบาท
หลังบริษัททำผิดสัญญาเงื่อนไข TOR เป็นเหตุให้กรมศุลกากรกักไว้ เนื่องจากพบว่ามีการสำแดงแหล่งที่มาเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงค่าภาษีนำเข้า ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (From D) แต่เป็นการนำเข้าสำเร็จรูปจากประเทศจีน โดยขสมก.ได้ยกเลิกสัญญาซื้อรถ NGV 489 คัน ถูกต้องตามกฎหมาย
ด้านนโยบายภาครัฐต้องการเปลี่ยนรถโดยสารเป็นพลังงานสะอาดทั้งหมด โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2572 รถที่ใช้พลังงานสันดาปรวมรถเมล์ปรับอากาศรุ่นเก่า ทั้งหมดประมาณ 2,300 คัน จะลดลง 60% ตามโครงการจัดซื้อรถเมล์อีวี (EV) จำนวน 1,520 คัน ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าสำหรับรถเมล์อีวี (EV) ถูกกว่าค่าน้ำมันประมาณ 3 เท่า อีกทั้งจะช่วยลดต้นทุนค่าบำรุงรักษา เนื่องจากอยู่ในสัญญาเช่า
อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าภายในปี 2571 จะไม่มีรถเมล์ร้อนวิ่งในเส้นทางประจำ ซึ่งแผนการเปลี่ยนรถเมล์ร้อนที่ยังใช้งานได้อาจถูกนำมาใช้เป็นรถสำรองสำหรับการเช่าเหมาคัน
ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารทั้งหมด 2,884 คัน โดยใช้งานจริงประมาณ 95% แบ่งเป็นรถเมล์ร้อน จำนวน 1,520 คัน และรถเมล์ปรับอากาศ จำนวน 1,300 กว่าคัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถมล์ปรับอากาศพลังงานสะอาด ประมาณ 800 คัน
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,089 วันที่ 20 - 23 เมษายน พ.ศ. 2568