รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) มีมติอนุมัติผลการคัดเลือกผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทย มีประกาศเชิญชวนยื่นข้อเสนอผลตอบแทนการใช้ประโยชน์ฯ
อย่างไรก็ดีได้ให้สิทธิแก่กิจการร่วมลงทุน PGWR ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เปรม กรุ๊ป เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัท วราพัฒนาทรัพย์ จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อดำเนินกิจการเชิงพาณิชย์ภายในสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ รวมพื้นที่ 47,675 ตารางเมตร เป็นระยะเวลา 20 ปี
ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร ยกระดับให้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็น Lifestyle Destination แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร มุ่งเน้นพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางค้าปลีก ร้านอาหาร พื้นที่พักผ่อน และบริการที่ครบวงจร ตลอดจนสร้างรายได้อย่างยั่งยืนแก่การรถไฟฯ
รายงานข่าวจากรฟท.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ผู้ได้รับสิทธิต้องวางเงินหลักประกันสัญญาให้แก่การรถไฟฯ เพื่อบริหารความเสี่ยงของโครงการ และคุ้มครองความเสียหายจากการผิดเงื่อนไขตามข้อกำหนดในสัญญา โดยจะคงไว้ตลอดอายุสัญญาจนกว่าจะสิ้นสุดภาระผูกพัน
“บอร์ด รฟท. ยังมอบหมายให้การรถไฟฯ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำกับและบริหารสัญญาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเคร่งครัดด้วย ตลอดจนการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด” รายงานข่าวจาก รฟท.กล่าว
สำหรับแผนการส่งมอบพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ แบ่งเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ปีที่ 1 ส่งมอบพื้นที่ประมาณ 10,687 ตารางเมตร ปีที่ 2 ส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติมอีกประมาณ 7,694 ตารางเมตร ปีที่ 3 ส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติมอีกประมาณ 7,694 ตารางเมตร
ส่วนที่เหลือประมาณ 21,600 ตารางเมตร คาดว่าจะส่งมอบภายในปีที่ 5 นับจากวันลงนามในสัญญา ซึ่งสอดคล้องกับกำหนดการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
รายงานข่าวจากรฟท.กล่าวต่อว่า กิจการร่วมลงทุน PGWR เสนอผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) สำหรับปีแรกให้แก่ การรถไฟฯ เป็นจำนวนเงิน 79,906,463 บาท ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับเพิ่มจากค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้สิทธิ (ค่าเช่า) และค่าส่วนกลาง
ทั้งนี้ทำให้ในปีแรก การรถไฟฯ จะได้รับผลตอบแทนรวมทั้งหมดเป็นเงิน 158,585,063 บาท ถือเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าสัญญาเช่าอื่น ๆ ของการรถไฟฯ ในพื้นที่ใกล้เคียง
ขณะเดียวกันการรถไฟฯ คาดว่า สำหรับผลตอบแทนที่จะได้รับในปีที่ 2 จะอยู่ที่ประมาณ 222 ล้านบาท ปีที่ 3 ประมาณ 288 ล้านบาท และในปีที่ 5 คาดว่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 487 ล้านบาท ซึ่งประเมินจากจำนวนพื้นที่ที่ส่งมอบ รวมทั้งอัตราค่าเช่า และผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) ที่จะปรับตามอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตามผลตอบแทนดังกล่าวได้รวมค่าส่วนกลางที่การรถไฟฯ ปรับขึ้นร้อยละ 10 ทุกๆ 3 ปี ทำให้ตลอดอายุสัญญา 20 ปี คาดว่าการรถไฟฯ จะได้รับผลตอบแทนสะสมประมาณ 8,000 ล้านบาท