จากความล่าช้าของการก่อสร้าง"สะพานเกียกกาย" คณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ช่วงที่ 3 ก่อสร้างทางยกระดับและถนนฝั่งพระนคร จากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงแยกสะพานแดง (โครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแยกเกียกกาย ช่วงที่ 3) ในวงเงิน 875.50 ล้านบาท ของกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่18มีนาคม2568ที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นสัดส่วนเงิน ดังนี้
1) เงินอุดหนุนของรัฐบาล วงเงินงบประมาณ 437.75 ล้านบาท
2) งบประมาณกรุงเทพมหานคร (กทม.) วงเงินงบประมาณ 437.75 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนเงินอุดหนุนของรัฐบาล จำนวน 437.75 ล้านบาท จะดำเนินการโอนเงินจัดสรร งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จากรายการเงินอุดหนุนสำหรับชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไปตั้งจ่ายในโครงการก่อสร้างฯ ช่วงที่ 3 จำนวน 49 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ จำนวน 388.75 ล้านบาท จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ปี 2569 – 2570 ต่อไป
ขณะความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย (ข้อมูลณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568) มีรายละเอียดดังนี้
สถานะโครงการโครงการนี้แบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก
ช่วงที่ 1 ก่อสร้างทางยกระดับและถนนฝั่งธนบุรี ระยะทางประมาณ 1,140 เมตร โดยมี บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง วงเงิน 727.5 ล้านบาท สัญญาโครงการตั้งแต่ วันที่ 30 พ.ย. 2566 – 18 พ.ย. 2568 จากการตรวจสอบพบว่ามีความก้าวหน้าไปกว่าประมาณ 4-5% ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างเพื่อเคลียร์พื้นที่
ขณะ ช่วงที่ 2 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทางขึ้น-ลง ระยะทางประมาณ 350 เมตรช่วงนี้ มี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (ITD) เป็นผู้ก่อสร้าง โดยมีวงเงิน ประมาณ 1,351 ล้านบาทสัญญาก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 2565 – 9 ธ.ค. 2567 ขณะก้าวหน้าโครงการประมาณ 18.46% ซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างก่อสร้างเสาเข็มเจาะและฐานราก
ช่วงที่ 3 ก่อสร้างทางยกระดับและถนนฝั่งพระนคร จากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงแยกสะพานแดง ระยะทางประมาณ 1,430 เมตร โดยมี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (ITD) เป็นผู้รับจ้าง วงเงินประมาณ 875.5 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 720 วัน ปัจจุบัน ได้รับอนุมัติจากครม. ให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โดยมีการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลและกรุงเทพมหานคร (กทม.) อย่างละครึ่งดังกล่าว
อย่างไรก็ตามภาพรวม หากโครงการก่อสร้างสะพานเกียกกายแล้วเสร็จ จะส่งผลดีในหลายด้าน ทั้งด้านจราจร เศรษฐกิจ ความมั่นคง และคุณภาพชีวิต 5 ด้านได้แก่
1. ลดปัญหาการจราจรติดขัด
2. สนับสนุนภารกิจรัฐสภา
3. เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ชุมชน
4. กระตุ้นเศรษฐกิจและการพัฒนาเมือง
5. รองรับการเจริญเติบโตในอนาคต
ต้องอดใจรอเพราะสะพานแห่งนี้จะสร้างผลดีในอนาคต เพราะนอกจากช่วยระบายความแออัดคับคั่งของปริมาณจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้วยังเปิดทำเลที่อยู่อาศัยใหม่ๆอีกด้วย!!