“ทางหลวง” เปิดวิ่ง 4 เลน “ถนน บ.แม่ป่าไผ่ - ต.แม่ตืน จ.ลำพูน”

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำนักก่อสร้างทางที่ 1 ได้รายงานว่าโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 106 สาย บ.แม่ป่าไผ่ - ต.แม่ตืน ระหว่าง กม.154+491 ถึง กม.168+391 ในพื้นที่จังหวัดลำพูน ปัจจุบันโครงการฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการแล้วเช่นกัน เพื่อต้องการยกระดับมาตรฐานการเดินทางให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมการเชื่อมโยงโครงข่ายการท่องเที่ยวในภาคเหนือ

ขณะเดียวกันทางหลวงหมายเลข 106 สาย บ.แม่ป่าไผ่ - ต.แม่ตืน จ.ลำพูน เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 106 สายสวรรคโลก - อุโมงค์ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแขวงการทางลำพูนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 โดยทางหลวงสายนี้ได้รับการบูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2522 โดยมีลักษณะเดิมเป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร (สวนทาง) มีจุดเริ่มต้นจากทางเข้าอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย, พาดผ่านจังหวัดสุโขทัย, จังหวัดลำปาง, จังหวัดลำพูน, และตัดเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่, สิ้นสุดที่อำเภอเมืองเชียงใหม่  
 

ส่วนการก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ โดยขยายช่องจราจรจากเดิมขนาด 2 ช่องจราจร เป็นขนาด 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ ข้างละ 2 ช่องจราจร) โครงการฯ ประกอบด้วย การก่อสร้างผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีต ขนาดความกว้างช่องละ 3.50 เมตร และไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร 

นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า การแบ่งทิศทางการจราจรโดยเกาะกลางแบบยก (RAISED MEDIAN) งานก่อสร้างสะพานคอนกรีตและระบบระบายน้ำ รวมถึงการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง ไฟสัญญาณจราจร และไฟกระพริบบนทางหลวง เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง

และเพื่อเพิ่มความสะดวกในการสัญจรของประชาชนตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ โดยกรมฯได้ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างจุดกลับรถ (U-TURN) บริเวณทางแยกและทางเชื่อมทางหลวงท้องถิ่น ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ 
 

อย่างไรก็ดีเส้นทางสายนี้มีบทบาทสำคัญในฐานะเส้นทางลัดจากถนนพหลโยธินโดยเป็นทางเลือกในการเดินทางไปยังสถานที่สำคัญ อาทิ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และอุทยานแห่งชาติออบหลวง ซึ่งช่วยให้ผู้เดินทางสามารถหลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่นในตัวเมืองเชียงใหม่ 

นอกจากนี้ทางหลวงสายดังกล่าวยังเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 108 เพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางอย่างอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นับเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้ทางสามารถหลีกเลี่ยงการเริ่มต้นจากตัวเมืองเชียงใหม่ ลดทอนระยะเวลาในการเดินทาง ส่งผลให้โครงข่ายทางหลวงในพื้นที่ดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด